ญาติไม่เชื่อหลานชายก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเอง

ญาติไม่เชื่อหลานชายจะก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเองหั่นศพยัดตู้เย็น ยันหลานถนัดมือขวามาตั้งแต่เด็ก และเข้ารับการรักษาโรคซึมเศร้ามานาน 2 ปีแล้ว 

วันที่ 26 พ.ย.2562 ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญฆ่ายัดตู้เย็นเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยญาติของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าคนทำจะเป็นลูกชายแท้ๆ เคยเห็นหลานชายสมัยตอนเด็กๆ พอหลานชายโตขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยเจอกัน ตอนเด็กๆ หลานเป็นคนเรียบเฉย ไม่ก้าวร้าว และคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่ทำแบบนี้ได้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าหลานเป็นคนทำ แต่จะเชื่อพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่มากกว่า และตามที่มีเพื่อนๆ ของหลานมาให้การบอกหลานถนัดมือซ้าย เห็นทำอะไรมือซ้าย แต่เท่าที่สังเกตุตัวหลานชายจะถนัดมือขวามาตั้งแต่เด็ก

ญาติเปิดเผยว่า ทราบว่าหลานป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หลานได้เข้ารับการรักษาเกี่ยวกับอาการโรคซึมเศร้าที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งแม่เขาก็มาปรึกษาตลอด ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแม่ลูกมีปัญหากันหรือไม่ ไม่ทราบแต่อย่างใด

สำหรับการเดินทางมารับศพในวันนี้จะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ส่วนหลานชายคุณพ่อของน้องได้ประสานและตกลงกันแล้วว่า จะให้นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดย่านดอนเมือง

ขณะที่พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 เปิดเผยว่า ตำรวจต้องอาศัยเวลาและพยานหลักฐานที่จะทำให้พิสูจน์ทราบได้ว่าการเสียชีวิตของผู้ตายที่ถูกหั่นศพนั้นเกิดจากผู้ใด เพื่อตอบคำถามสังคม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีแม่กับลูกอยู่เพียงสองคนเท่านั้น โดยมีพยานอีกสองคนเข้ามาแล้วพบกับเหตุการณ์แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตำรวจพบว่าลูกชายถูกอาวุธปืนยิง ซึ่งพยานสองคนบอกว่าลูกชายได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง “เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยายามหลักฐาน และไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เราไม่ได้ระบุว่าลูกเป็นคนทำ เรารู้แต่ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา แต่ยังไม่มีอะไรมาตอบข้อสงสัย ซึ่งก็ต้องหาพยานหลักฐานที่มีทุกอย่าง” พล.ต.ต.โชคชัย กล่าว

ผบก.น.9 ได้ให้ฝ่ายสืบสวนสืบสวนในเชิงเทคนิคได้ความชัดเจนกระจ่างอะไรแล้วจะชี้แจงให้ทราบ ส่วนข้อสงสัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอยู่ เรื่องการเสียชีวิตต้องให้ทางแพทย์รายงานผลการชันสูตรมาว่า เขาตายไปกี่ชั่วโมง ในทางสืบสวนก็ต้องดูว่าผู้ตายติดต่อกับใคร ครั้งสุดท้ายมีการติดต่อเมื่อไหร่ แล้วพอมีพยานหลักฐานอะไรจะเชื่อมโยงว่าเป็นเรื่องที่พอจะยืนยันได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตอยู่ตอนนั้นหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการสืบสวนเหตุเกิดยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนทั้งสืบสวนบก.น.9 และสืบสวน สน.ท่าข้าม ได้ทำงานกันก่อน

ทั้งนี้ได้มีการเชิญพยานที่พบศพ 2 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความในฐานะที่บุคคลทั้งสองมีความใกล้ชิดกับผู้ตาย รวมทั้งมีการเก็บดีเอ็นเอ คราบเขม่าปืนจากพยานทั้งสองคนที่เข้าไปด้วย รวมถึงจะสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงพยานทั้งสองคนในประเด็นที่สังคมสงสัยให้คลี่คลายทุกประเด็น

ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิตถนัดมือซ้ายแต่ยิงตัวเองด้วยมือขวานั้น พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า หลักฐานสำคัญที่จะสามารถยืนยันได้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนอาวุธมีดนั้นไม่พบคราบเลือด แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมมีดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ทางแพทย์ยืนยันว่าได้ครบทุกส่วนแล้ว รวมถึงได้สอบปากคำตำรวจที่อยู่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุแล้วเบื้องต้นให้การว่าก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนั้น ได้ยินเสียงลูกชายร้องโวยวายว่าไม่ต้องเข้ามาภายในบ้าน แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะอะไร ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่อยู่ในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องสอบปากคำตำรวจนายดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง