หนุ่มใหญ่เครียดถูกทวงหนี้ ปาดคอเมีย-ลูก 2 คนดับคาร้าน

หนุ่มใหญ่เครียดหนี้สิน มีปากเสียงกับเมีย คว้ามีดปาดคอเมียกับลูกอีก 2 คน ดับคาร้านเครื่องเสียง ย่านถนนหทัยราษฎร์ ก่อนเชือดตัวเองตามบาดเจ็บสาหัส

วันที่ 26 เม.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(25 เม.ย. 62) เวลาประมาณ 19.30 น. พ.ต.ท.ณัฐพนธ์ จุ้ยอำนวย สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกมีดปาดคอเสียชีวิตจำนวน 3 ราย ภายในร้านเอ็นซี ออโต้ซาวด์ร้านรับติดตั้งเครื่องเสียง ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ  จึงเข้าตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยใกล้กับร้านสเต็กลุงใหญ่ เข้ามาประมาณ 100 เมตร จะพบร้านเครื่องเสียงดังกล่าวเป็นสังกะสี เนื้อที่ 1 คูหา ภายในห้องนอนของร้านดังกล่าวพบผู้เสียชีวิต 3 ราย รายแรกคือ น.ส.กิ่งแก้ว พงศ์ไพโรจน์ อายุ 25 ปี ถูกปาดคอโดยในอ้อมกอดมีร่างทารกหญิงวัย 1 ปี 3 เดือนไว้กับตัว ห่างไปพบนายณัฐศักดิ์ อายุ 46 ปี บาดเจ็บในสภาพนอนหงาย ใกล้กันพบร่างเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกปาดคอเช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่นำร่างนายณัฐศักดิ์ ส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ทันที ทั้งนี้นายณัฐศักดิ์เป็นเจ้าของร้านและเป็นสามีของน.ส.กิ่งแก้ว และเป็นพ่อของเด็กที่เสียชีวิต 2 ราย

นายธีระพล อายุ 37 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถใกล้กัน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา เพื่อนของนายณัฐศักดิ์ได้โทรศัพท์มาให้นายธีระพล เดินไปดูนายณัฐศักดิ์ เนื่องจากชอบบ่นกับเพื่อนเรื่องหนี้สินที่ต้องผ่อนส่งสูงถึงวันละ 8,000 บาท นายธีระพลจึงเดินไปดูหน้าร้านพบผ้าใบสีเขียวปิดอยู่ จึงพยายามตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบจึงเปิดผ้าใบและเดินเข้าไปดูภายในห้อง เมื่อเปิดออกก็ต้องตกใจเพราะเห็นเลือดกระจายเต็มกำแพง และไหลนองตามพื้นห้อง โดยมีครอบครัวพ่อแม่ลูก 4 คน นอนอยู่บนที่นอน ที่มีแต่กองเลือด จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลือทันที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า นายณัฐศักดิ์น่าจะมีความเครียดเรื่องหนี้สินจนมีปากเสียงกับทางภรรยาจนตัดสินใจใช้อาวุธมีดก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำนายณัฐศักดิ์ เพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมา เวลา 21.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานจนทราบว่า ทุกวันจะมีแก๊งเงินกู้นอกระบบแวะเวียนมาที่หน้าร้าน เพื่อติดตามทวงถามหนี้ โดยใช้ทั้งรถยนต์และรถ จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ซึ่งวานนี้ (25 เม.ย.62) ช่วงบ่ายมีรถกระบะสีดำมาจอดที่หน้าร้าน แต่ร้านดังกล่าวได้ใช้ผ้าใบสีเขียวคลุมปิดเอาไว้เสมือนไม่มีผู้ใดอยู่ กลุ่มชายฉกรรจ์จึงเดินไปถามร้านข้างๆ ว่าเห็นลูกหนี้บ้างหรือไม่ เมื่อไม่เจอตัวก็กลับไป แต่อาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้เป็นหนี้เกิดความเครียดกดดัน เนื่องจากเป็นหนี้นอกระบบมานาน 4 เดือน ไม่มีพฤติกรรมดื่มสุราหรือสูบบุหรี่แต่อย่างใด

ด้าน นางอุดม สมบุตร แม่ น.ส.กิ่งแก้ว บอกว่า ลูกสาวและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ไม่เคยถึงขั้นลงไม่ลงมือ ครอบครัวนี้รักกันดี กระทั่งเมื่อวานนี้ เธอทราบเรื่องว่าครอบครัวลูกสาวมีปัญหาเรื่องเงินกู้นอกระบบ และผ่อนจ่ายไม่ไหว เนื่องจากดอกเบี้ยสูงร้อยละ 20 ซึ่งมีความเครียด ได้เข้ามาหาเธอและบอกว่าจะขอยืมเงิน 1,000 บาท เธอก็ได้ให้ไป จากนั้นมีการนัดหมายกันจะมายืมเงินเพิ่มในช่วงเย็น แต่ก็ไม่ได้เข้ามา ส่วนวันนี้ ตั้งแต่ข่วงเช้า เธอพยายามติดต่อลูกสาว แต่ไม่มีคนรับสาย เธอไม่คิดว่าลูกเขยจะมาก่อเหตุเช่นนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเขาเป็นคนรักครอบครัว ขณะที่เมื่อวานนี้ลูกสาวบ่นว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว มีปัญหามาก และยังพูดกับเธอว่าให้อโหสิกรรมให้ด้วย หากเธอเป็นอะไรไป ไม่คิดว่าหลังจากที่ลูกสาวพูดจะเกิดเรื่องเช่นนี้

ด้าน น.ส.สะมะ หลังสัน เพื่อนผู้ก่อเหตุ บอกว่า นายมนัสเคยพูดว่า หากตนเองมีความเครียด มีปัญหาจนถึงทางตัน จะไม่ปล่อยครอบครัวไว้ เนื่องจากหากมีภาระก็จะทำให้ตนเองมีห่วง ตนเองเคยพูดเคยเตือนว่าอย่าทำ แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะมาเกิดขึ้นจริง