SHARE

คัดลอกแล้ว

รองโฆษกสตช. เผยความคืบหน้าคดีตำรวจลพบุรีลักปืนหลวงไปจำนำ ขอหมายจับเพิ่มอีก 5 ราย เร่งติดตามตามปืนที่ยังหาไม่เจออีก 31 กระบอก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษกสตช.) เปิดเผยถึงกรณีดาบตำรวจ สภ.ท่าหิน นำปืนหลวงซึ่งเป็นปืนที่อยู่ในคลังของ สภ.ท่าหิน ไปจำนำแก่บุคคลภายนอก ในพื้นที่ สภ.ท่าหิน จว.ลพบุรี ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ท่าหิน ว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 62 ด.ต.ชรินทร์ บุตรดี ซึ่งทำหน้าที่ดูแลพัสดุและสิ่งของหลวง ได้กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยการนำอาวุธปืนในคลังของ สภ.ท่าหิน ไปจำนำแก่บุคคลอื่น รวมทั้งหมด 50 กระบอก

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง สภ.ท่าหินได้ดำเนินคดีอาญากับ ด.ต.ชรินทร์ ประกอบกับทาง ภ.จว.ลพบุรีได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย ประกอบกับได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินคดีอาญา และตั้งชุดสืบสวนติดตามอาวุธปืนดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 25 ต.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายประทีป โตพูล ตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรี “ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดซื้อ ทำ ดูแล รักษาทรัพย์ใดๆเบียดบังทรัพย์นั้นป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต หรือรับของโจร” และได้นำตัวฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤตมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี และวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามอาวุธปืนของหลวงที่หายไปได้อีก 1 กระบอก บริเวณป่าหญ้าด้านหลังศาลารถประจำทาง ถนนสุรนารายณ์ ต.นาโสม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี

ขณะนี้เบื้องต้น สามารถติดตามอาวุธปืนคืนได้แล้วจำนวน 19 กระบอก คงเหลือที่หายอีก จำนวน 31 กระบอก

รองโฆษกสตช. กล่าวต่อว่า สภ.ท่าหิน ได้ดำเนินคดี กับ ด.ต.ชรินทร์ ตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับ คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ทำการขยายผลว่ามีผู้ใดมีส่วนร่วมในการกระทำผิดอีกหรือไม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรี ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิมเติมอีกจำนวน 5 ราย โดยยืนยันว่า จะดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว โดยไม่มีการละเว้น และไม่มีผู้ใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ โปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากทำผิดจริง ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด โดยจะต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดา เพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เคารพต่อเกียรติของตำรวจ

พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น  เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตรา ความสงบเรียบร้อย รวมไปถึงมาตรการในการป้องกันเหตุ สำรวจสิ่งของหลวงตามกำหนด โดยเน้นย้ำอย่าให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก และได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน ให้กำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดอย่างใกล้ชิด คอยสอดส่อง ดูแลให้ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง หรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ให้ออกจากราชการ! ตำรวจลักปืนหลวงไปจำนำ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า