SHARE

คัดลอกแล้ว

ผบก.น.9 สั่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม คลี่คลายทุกประเด็นคดีสะเทือนขวัญลูกชายฆ่าชำแหละชิ้นส่วนแม่แช่ตู้เย็น พร้อมเรียก 2 พยานเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ขณะที่เพื่อนผู้ตายเปิดใจยืนยัน ไม่ได้ทะเลาะกัน เป็นการเข้าใจผิด 

วันที่ 26 พ.ย.2562 จากกรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญพบศพถูกหั่นแยกชิ้นส่วนแช่ไว้ตู้เย็นภายในบ้านหลังหนึ่งในซอยท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ และลูกชายวันอายุ 20 ปี ใช้ปืน .38 ยิงใส่ขมับตัวเองเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเพื่อนผู้ตายเป็นผู้ไปพบศพเป็นคนแรก จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้เข้าไปช่วยเหลือ ต่อมาสังคมโซเชียลได้ตั้งข้อสังเกตุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่หลานของผู้ตาย ระบุว่า ผู้พบศพคนแรกเคยทะเลาะกับผู้ตายถึงขั้นตัดเพื่อน

วรนุช วงศ์ชัย เพื่อนของผู้ตาย

น.ส.วรนุช วงศ์ชัย เพื่อนของผู้ตาย เปิดใจกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า ไม่ได้ทะเลาะกัน ยังไลน์ ยังโทรคุยกันปกติ และที่บอกว่าเคยทะเลาะจนตัดเพื่อนกัน อันนี้มันเป็นประเด็นที่หลานของผู้ตายข้าใจผิด เขาหมายถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่นุชก็ไม่แน่ใจหลอก อย่างไงความจริงก็เป็นความจริง รอเค้าสรุปมาเดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นอย่างไง

ด้านนายมนต์ชัย ฉิมเอี่ยม พยานในคดีลูกฆ่าหั่นศพ กล่าวว่า ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ในฐานะพยาน ระบุ รู้จักกับผู้ตายมา ประมาณ 9-10 ปี ในฐานะนายจ้างของผู้ตาย สาเหตุผู้ตายต้องพกปืน เพราะทำอาชีพด้านไฟแนนซ์ ทำให้ต้องถือเงินในจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย และเมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.62) ช่วงเวลา 20.00 น. ตนเองได้ติดต่อมาหาผู้ตายเพื่อคอนเฟิร์มงาน โดยทางผู้ตายก็รับโทรศัพท์ตามปกติ แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ในวันจันทร์ (25 พ.ย.62) จึงพยายามให้คนรอบข้างช่วยติดต่อ แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน จึงโทรศัพท์หา น..ส.วรนุช ลูกจ้างคนงานร้านเสริมสวยให้เข้าไปตรวจสอบ ก่อนที่ตนเองจะเดินทางตามไป เมื่อไปถึงก็พบว่า น.ส.นุช นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่หน้าบ้านโดยมีตำรวจสายตรวจอยู่ด้วย

นายมนต์ชัย กล่าวว่า ผู้ตายเป็นคนหน้าตาดีที่ผ่านมาจึงมีคนเข้ามาเกี่ยวพันด้วย แต่ผู้ตายไม่เคยคบกับใคร และไม่เคยมีปัญหากับใคร ขณะที่ความสันพันธ์ในครอบครัว ที่ผ่านมาพบว่าเป็นไปตามปกติ คือผู้ตายอาศัยอยู่กับลูกในแบบของแม่เลี้ยงเดี่ยวทั่วไป

สำหรับความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 เปิดเผยว่า ตำรวจต้องอาศัยเวลาและพยานหลักฐานที่จะทำให้พิสูจน์ทราบได้ว่าการเสียชีวิตของผู้ตายที่ถูกหั่นศพนั้นเกิดจากผู้ใด เพื่อตอบคำถามสังคม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีแม่กับลูกอยู่เพียงสองคนเท่านั้น โดยมีพยานอีกสองคนเข้ามาแล้วพบกับเหตุการณ์แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตำรวจพบว่าลูกชายถูกอาวุธปืนยิง ซึ่งพยานสองคนบอกว่าลูกชายได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง

“เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยายามหลักฐาน และไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เราไม่ได้ระบุว่าลูกเป็นคนทำ เรารู้แต่ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา แต่ยังไม่มีอะไรมาตอบข้อสงสัย ซึ่งก็ต้องหาพยานหลักฐานที่มีทุกอย่าง” พล.ต.ต.โชคชัย กล่าว

ผบก.น.9 ระบุว่าได้ให้ฝ่ายสืบสวนสืบสวนในเชิงเทคนิค ได้ความชัดเจนกระจ่างอะไรแล้วจะชี้แจงให้ทราบ ส่วนข้อสงสัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอยู่ เรื่องการเสียชีวิตต้องให้ทางแพทย์รายงานผลการชันสูตรมาว่า เขาตายไปกี่ชั่วโมง ในทางสืบสวนก็ต้องดูว่าผู้ตายติดต่อกับใคร ครั้งสุดท้ายมีการติดต่อเมื่อไหร่ แล้วพอมีพยานหลักฐานอะไรจะเชื่อมโยงว่าเป็นเรื่องที่พอจะยืนยันได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตอยู่ตอนนั้นหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการสืบสวนเหตุเกิดยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนทั้งสืบสวนบก.น.9 และสืบสวน สน.ท่าข้าม ได้ทำงานกันก่อน

ทั้งนี้ได้มีการเชิญพยานที่พบศพ 2 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความในฐานะที่บุคคลทั้งสองมีความใกล้ชิดกับผู้ตาย รวมทั้งมีการเก็บดีเอ็นเอ คราบเขม่าปืนจากพยานทั้งสองคนที่เข้าไปด้วย รวมถึงจะสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงพยานทั้งสองคนในประเด็นที่สังคมสงสัยให้คลี่คลายทุกประเด็น

ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิตถนัดมือซ้ายแต่ยิงตัวเองด้วยมือขวานั้น พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า หลักฐานสำคัญที่จะสามารถยืนยันได้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนอาวุธมีดนั้นไม่พบคราบเลือด แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมมีดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ทางแพทย์ยืนยันว่าได้ครบทุกส่วนแล้ว รวมถึงได้สอบปากคำตำรวจที่อยู่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุแล้วเบื้องต้นให้การว่าก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนั้น ได้ยินเสียงลูกชายร้องโวยวายว่าไม่ต้องเข้ามาภายในบ้าน แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะอะไร ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่อยู่ในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องสอบปากคำตำรวจนายดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/582985752476830/

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า