ยันไม่ปกป้อง ตร.ขโมยไอซ์ของกลางขาย แต่ต้องมีหลักฐานแค่คำซัดทอดไม่พอ

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สืบสวนขยายผลเอาผิดขบวนการยักยอกไอซ์กว่า 200 กิโลกรัม ซึ่งมีตำรวจ สภ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยตอนจับกุมยึดไอซ์ได้ 300 กก. แต่นำมาแถลงข่าวเพียง 90 กก.

ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลมาจากการจับกุม ด.ต.ชัชรินทร์ แก้วทอง สังกัด สภ.สุโหงโกลก พร้อมไอซ์จำนวน 3 ขีด ขณะนำส่งให้ลูกค้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และให้การซัดทอด ว่ามีตำรวจ สภ.สุไหงโกลก อีก 4 นาย ร่วมขบวนการยักยอกของกลางด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงชุดจับกุม 15 นาย แต่มีเพียง พ.ต.ท.ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีถูกย้ายออกนอกพื้นที่ และ ด.ต.ชัชรินทร์ ถูกให้ออกจากราชการ ส่วนที่เหลือ13 นาย ยังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม โดยนายอัจฉริยะ ระบุว่า ตำรวจหนึ่งในชุดจับกุม กลับใจมาให้ข้อมูลกับตนเอง

พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส

วันที่ 7 ม.ค.62 พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า กรณีการยักยอกเอายาเสพติดของกลางจากการจับกุมที่ สภ.สุไหงโกลก ไปจำหน่าย หลังจากที่ตำรวจที่ก่อเหตุถูกจับกุมตัวแล้วได้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ขณะเดียวกันก็สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการที่ตำรวจที่ถูกจับกุมให้การซัดทอดว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง

อย่างไรก็ตามมีเรื่องต้องพิจารณาอยู่หลายองค์ประกอบ เนื่องจากว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย แต่ในทางคดีจะเป็นเรื่องของตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่จับกุมต้องดำเนินการ ดังนั้นต้องรอดูว่าผลคดีหรือมีการออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้องใครบ้าง

พล.ต.ต.นรินทร์ กล่าวต่อว่า ในทางวินัยเราได้เสนอไปยังเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ผู้เกี่ยวข้องออกจากราชการไว้ก่อนซึ่งตอนนี้รอหนังสือส่งมา ในส่วนของคดียืนยันไม่น่าเป็นห่วง ต้องว่าไปตามพยานหลักฐานว่าไปตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่มีใครมานั่งช่วยเหลือเรื่องแบบนี้

“ทางวินัยถ้าหากมีการเกี่ยวข้องรับรองว่าจะมีการทำโทษไม่ไหวและไม่ช่วยเหลือใครทั้งสิ้น เนื่องจากว่าบุคคลเหล่านี้สร้างเงื่อนไขในพื้นที่แล้วก็ไม่มีผู้บังคับบัญชาท่านไหนที่จะเข้าไปช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความผิดได้เลย แต่ในการพิจารณาเราต้องให้รอบคอบ เนื่องจากว่ามันเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาดังนั้นในเรื่องของคดี ในเรื่องของวินัยก็ดี มันจะต้องสอดคล้องกันไปทั้งหมด ถ้าเราได้พยานหลักฐานที่ชัดเจนเมื่อไหร่เราดำเนินการทันที”