ไทยติดโควิด-19 เพิ่ม 10,414 ราย เสียชีวิต 122 ราย

โควิด-19 วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10,414 ราย  เสียชีวิต 122 ราย  ขณะที่ผู้ป่วยรักษาหายหลับบ้านได้ 11,580 ราย 

วันที่ 29 ก.ย. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวันพบผู้ป่วยใหม่ 10,414 ราย จำแนกเป็นติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 178 ราย ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 9,044 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 1,182 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 10 ราย

หายป่วยกลับบ้าน 11,580 ราย หายป่วยสะสม 1,432,360 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย.2564 จำนวน 1,562,966 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 122 ราย ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 115,423 ราย

ล่าสุดพญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด แต่ทิศทางในพื้นที่ต่างจังหวัดตัวเลขยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ศบค.เป็นห่วงและยังคงมีการรายงานต่อเนื่อง คือ ชายแดนใต้ที่ยังมีทิศทางที่สูงขึ้นผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยอายุน้อย คือ 20-49 ตีแตกกลุ่มที่มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมทั้งมีโรคประจำตัวก็คงต้องเน้นย้ำที่จะต้องเฝ้าระวังการสัมผัสใกล้ชิดที่ทำให้คนวัยแรงงาน วัยหนุ่มสาวที่อาจจะติดเชื้อไม่มีอาการ ไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่มีโรคประจำตัวก็อาจจะทำให้บุคคลในกลุ่มนี้ป่วยหนักและเสียชีวิต ทั้งนี้ขอเน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้เร่งระดมการฉีดวัคซีนให้ได้ในกลุ่มเป้าหมาย

และในวันที่ 4 ต.ค.นี้ จะเป็นเทศกาลถือศีลกินเจ เน้นย้ำให้จังหวัดตรวจสอบมาตรการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะโรงเจ ผู้ประกอบการจะต้องมีการจัดสถานที่อย่างเหมาะสมและมีมาตรการเฝ้าระวังการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เพื่อให้โรงเจปลอดโควิด โดยให้พนักงานฉีดวัคซีนมีการตรวจหาเชื้อ ATK เพื่อความปลอดภัยของผู้ไปร่วมงาน ทั้งนี้ จะต้องทำการปรับทั้งทางผู้ประกอบการ ผู้จัดงานหรือประชาชน ต้องช่วยกันร่วมคิดร่วมสร้างจัดงานวิถีใหม่ทั้งงานศพ งานประเพณี งานแต่งและงานบวช ส่วนหนึ่งในระยะยาว คงไม่สามารถรอให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ได้ จึงจะจัดงานได้ แต่จะต้องมาหาวิธีว่าจะจัดอย่างไรที่จะยังคงวัฒนธรรมประเพณีไว้ แต่ขณะเดียวกันจะต้องปลอดภัย ทั้งเจ้าภาพและแขกผู้มาร่วมงานด้วย จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้กับวิถีชีวิตแนวใหม่

ครม. ไฟเขียวจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ จำนวน 60 ล้านโดสสำหรับปี 2565 และเห็นชอบให้ สธ.จัดซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ เพิมเติมจากสเปน อีก 1.65 แสนโดส พร้อมส่งมอบให้ไทยต้นเดือน ต.ค. นี้

วันที่ 28 ก.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนกาจากราชอาณาจักรสเปน เพิ่มเติมอีกจำนวน 165,000 โดส จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2564 ให้กรมควบคุมโรคจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก จากราชอาณาจักรสเปน จำนวน 449,500 โดส รวมทั้งสิ้นจะมีการส่งมอบวัคซีนจำนวน 614,500 โดส โดยกำหนดส่งมอบวัคซีนทั้ง 2 ชุด ในภายในต้นเดือน ต.ค.นี้

การจัดซื้อวัคซีนนี้เป็นความก้าวหน้าในการเจรจาจัดซื้อวัคซีนจากประเทศในสหภาพยุโรป โดยที่ในปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะมีวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก รวมจำนวน 178.2 ล้านโดส

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบซื้อวัคซีนอีก 60 ล้านโดสสำหรับปี 2565 โดยให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจากบริษัทแอตร้าฯ โดยมีแผนการส่งมอบวัคซีนในปี 2565

ไตรมาสแรก (ช่วง ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 15 ล้านโดส
ไตมาส 2 (ช่วง เม.ย.-มิ.ย.) จำนวน 30 ล้านโดย
ไตรมาสที่ 3 (ช่วง ก.ค-ก.ย.) จำนวน 15 ล้านโดส
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในปีหน้า