ในยุคที่เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรอยู่ ไม่ว่าตอนนี้มันจะมั่นคงแค่ไหน ถึงเวลาต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่าทักษะที่มีอยู่ตอนนี้เพียงพอจะต่อสู้กับหุ่นยนต์และ AI หรือยัง? เพราะถ้าไม่ คุณอาจกลายเป็น Useless Class โดยไม่รู้ตัว
Useless Class หรือชนชั้นไร้ประโยชน์ คือคำที่ยูวัล โนอาห์ แฮรารี (Yuval Noah Harari) นักประวัติศาสตร์ นักปรัชญา และนักเขียนจากหนังสือดัง Sapiens บัญญัติขึ้นมาครั้งแรกในหนังสือ 21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 เพื่ออธิบายถึงภาวะที่ผู้คนตกงาน เพราะโดนเทคโนโลยี หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแย่งงาน
2 ปีต่อมาหลังจากคำว่า ‘Useless Class’ ปรากฎตัวครั้งแรก ดูเหมือนโลกกำลังเดินตามคำทำนายของยูวัล โนอาห์ แฮรารี
[การคืบคลานเข้ามาของเทคโนโลยี]
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้แต่เวลาที่โควิด-19 เข้ามามีบทบาทกับโลก แต่เทคโนโลยี และนวัตกรรมก็ไม่ได้พัฒนาน้อยลง เราเห็นข่าวอัลฟาโกะ (AlphaGo) โปรแกรมเล่นหมากล้อมที่พัฒนาโดยบริษัท Google DeepMind เอาชนะเซียนหมากล้อมระดับโลก
เราเห็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์ไร้พนักงานที่ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต Amazon Go ของบริษัทแอมะซอน หรือตอนนี้ในร้านอาหารใกล้บ้านเราก็เริ่มใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาด หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารเข้ามาแทนที่มนุษย์แล้ว
นี่เป็นสัญญาณอันชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่าการมาของเทคโนโลยี ทำให้บางอาชีพที่มนุษย์ที่มักจะทำงานซ้ำๆ อย่างเสมียน พนักงานระดับปฏิบัติการในโรงงานที่มีหน้าที่ควบคุมเครื่องจักร กลุ่ม Low Skill กำลังค่อยๆ สูญหายไป และไม่แน่ว่าต่อไปในยุครุ่นลูกรุ่นหลานเรา บางอาชีพที่เราเคยเห็นในวันนี้อาจเป็นแค่เรื่องเล่าในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกเพียงเท่านั้น
การพูดว่าอาชีพกลุ่ม Low Skill กำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและ AI อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่เท่าไหร่ เพราะประโยคนี้ถูกนำมารีรันหลายต่อหลายครั้ง แต่ในทศวรรษที่ผ่านมา ฐานของกลุ่ม Useless Class กำลังค่อยๆ ขยายตัวออกไป และแม้แต่อาชีพที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ก็ไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปได้
[ความเสี่ยงว่างงานและตกงานที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน]
ความว่างงานนี้จะไม่ได้เกิดแค่ในกลุ่มแรงงานระดับล่างเท่านั้น ในยุคที่เทคโนโลยีโตแบบก้าวกระโดด ทำให้สถานการณ์ไม่เหมือนอดีตที่เวลามีเทคโนโลยีอะไรมาปฏิวัติอุตสาหกรรม แรงงานระดับล่างก็ยังเปลี่ยนผ่านตัวเองไปทำงานระนาบเดียวกันแบบอื่นได้อีก ในอนาคต การปรับตัวในลักษณะนี้ก็จะทำได้ยาก และมีโอกาสน้อยลง
McKinsey บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ประเมินว่า ภายช่วง 10 ปีนี้ ทั่วโลกจะเผชิญการสูญเสียงานมากถึง 800 ล้านตำแหน่งจากแรงงานทั่วโลก 3,000 ล้าน ซึ่งเป็นผลจากการแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI คน
ไม่ใช่แค่กลุ่ม Low Skill เท่านั้น แม้แต่คนทำงานระดับ Middle Level ก็อาจได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถก้าวข้าม Skill Gap ไม่สามารถปรับเปลี่ยนทักษะให้เข้ากับยุคสมัยและความต้องการของโลกได้
[ย้อนกลับมาดูอนาคตของแรงงานไทย]
ตามประสาโลกาภิวัฒน์ เมื่อโลกได้รับผลกระทบ ไทยก็ไม่พ้นติดร่างแหไปด้วย มีการคาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ.2573 คนไทยจะหลุดจากอาชีพที่เคยทำมากถึง 6 ล้านคน จากการเปลี่ยนของโลกและเทคโนโลยีที่จะมาแทนอาชีพดั้งเดิม
จากการศึกษาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) กรณีศึกษาประเทศไทย พบว่ามีคนงานถึง 98% มีความเสี่ยงถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะจำพวก อาชีพเกษตรกร ชาวประมง แรงงานในฟาร์ม ผู้ช่วยฝ่ายขายในร้านค้าปลีก ผู้ผลิตปศุสัตว์ พนักงานขายอาหาร พนักงานสำนักงาน พนักงานบัญชี รวมถึงเหล่า First Jobber
และอีก 10 ปี ข้างหน้า งานมากกว่า 65% จะกลายเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง หรือการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยที่ 1 ใน 3 ของงานในปัจจุบันจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปในอนาคต
จนถึงตรงนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่า ในเมื่อมีอาชีพที่หายไป ก็จะมีอาชีพเกิดใหม่ปรากฏขึ้น ซึ่งอาชีพใหม่ที่เราพูดถึงแน่นอนว่าต้องการทักษะใหม่ ที่แตกต่างจากในอดีต ดังนั้นทางที่เราจะรอดพ้นจากอาชีพนี้คือ ‘ปรับตัวให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก’
[ปรับตัวยังไงให้รอดพ้นจากการเป็น Useless Class]
คีย์เวิร์ดสำคัญคือ ‘Reinvent Yourself’ ซึ่งก็คือการสร้าง New Skill ที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจใหม่ตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ ไปจนถึงการ Reskill Upskill ด้านดิจิทัลเทคโนโลยีให้กับคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเรียน วัยเริ่มทำงาน และกลุ่มคนทำงานมาหลายปี
ส่วนทักษะที่ต้องมีอย่างน้อยเลยคือ ทักษะการแก้ปัญหา มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาซับซ้อน รวมถึงทักษะการใช้เทคโนโลยี ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีติดตามและควบคุมอุปกรณ์ การออกแบบเทคโนโลยี และออกแบบระบบโปรแกรม
อนาคตตลาดแรงงานใหม่จะเกิดขึ้นภายใต้แพลทฟอร์มดิจิทัล เราต้องเปลี่ยนแปลงทักษะใหม่เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และอีกหนึ่ง soft skill ที่ต้องฝึกฝนตั้งแต่วันนี้คือ ‘ทักษะการฝึกจิตใจ เข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้’ สร้างจิตที่มั่นคงเพียงพอที่จะรับมือกับโลกอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอน และยอมรับว่า เราอาจตามไม่ทัน
ท้ายที่สุดแล้วโลกที่เรารู้จักจะไม่กลับมาอีก รูปแบบชีวิต และอาชีพที่เราเคยเป็นและเคยทำมาแล้วในอดีตกำลังล้าสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ
วิธีคิด วิธีมองโลกที่เราคุ้นเคย มันก็กำลังจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่สิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่ทำได้คือการปรับตัวและอยู่รอดกับมันอย่างมีความสุขที่สุด
อ้างอิงจาก
https://www.deepmind.com/research/highlighted-research/alphago/the-challenge-match
https://www.weforum.org/agenda/2020/01/yuval-hararis-warning-davos-speech-future-predications/
https://www.theverge.com/2017/11/30/16719092/automation-robots-jobs-global-800-million-forecast
https://www.ted.com/talks/max_tegmark_how_to_get_empowered_not_overpowered_by_ai?language=en
http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/home.aspx