SHARE

คัดลอกแล้ว

ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เสียชีวิตด้วยการลอบสังหาร สร้างความเศร้าใจให้กับคนทั้งประเทศ โดยคนร้ายไม่ได้มีความขัดแย้งทางการเมืองด้วยซ้ำ และแรงจูงใจในการสังหารเลื่อนลอยมากอย่างไม่น่าเชื่อ

อาเบะคือ ผู้นำที่ทั่วโลกยอมรับ เขามีความรู้ ความสามารถ ได้ตำแหน่งมาด้วยการเลือกตั้งอย่างชอบธรรม และได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างถล่มทลาย workpointTODAY สรุปเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ไว้อย่างเข้าใจง่ายที่สุดใน 17 ข้อ

1) ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ครองตำแหน่งมายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ 7 ปี กับอีก 266 วัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 28 สิงหาคม 2020 ด้วยเหตุผลการป่วยลำไส้อักเสบเรื้อรัง เขาไม่สามารถทำงานต่อไปได้ในสภาพร่างกายแบบนี้ จึงขอลงจากตำแหน่ง แม้จะเหลือวาระอยู่อีก 1 ปีก็ตาม

2) อาเบะ เป็นนักการเมืองสายเหยี่ยว ที่มีนโยบายชาตินิยม เขามีความตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 9 ที่ระบุว่าญี่ปุ่นห้ามมีกองทัพเพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากการป้องกันตัวเอง

อาเบะมองว่าญี่ปุ่นควรมีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่านี้ เพื่อเตรียมรับมือกับความขัดแย้งในการเมืองโลก โดยเฉพาะกับเกาหลีเหนือที่ทดสอบยิงขีปนาวุธผ่านเกาะฮอกไกโดอย่างไม่เกรงใจ รวมถึงกับเกาหลีใต้ ที่มีข้อขัดแย้งเรื่องเกาะทาเคชิมะ

3) ขณะที่เรื่องของเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะเงินฝืดอย่างหนัก เพราะประชาชนญี่ปุ่นไม่นำเงินออกมาลงทุน จนเศรษฐกิจของประเทศไม่เติบโต ดังนั้นเขาจึงสร้างนโยบายกระตุ้นภาคธุรกิจแทนที่ ซึ่งจากนโยบาย “อาเบะโนมิคส์” ของเขา ทำให้บริษัทเกือบ 1,000 แห่ง ทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ประเทศสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ

4) หลังจากลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ชินโซ อาเบะ ยังเป็น ส.ส. และช่วยเหลืองานพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) อยู่เป็นระยะ เนื่องจากภาพลักษณ์ของเขายังถือว่าดีเยี่ยมอยู่ โดยในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ที่ญี่ปุ่นจะมีการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก ทำให้อาเบะ เดินทางมาช่วยลูกพรรค LDP หาเสียงที่หน้าสถานีรถไฟ ยามาโตะ-ไซไดจิ ที่จังหวัดนารา

5) เวลา 11.30 น. ระหว่างที่กำลังเริ่มหาเสียงอยู่นั้น มีชายหนึ่งคนแอบเดินมาด้านหลังในระยะห่างราวๆ 3 เมตร จากนั้นก็ยิงปืนนัดแรกที่มีเสียงดังสนั่นจนผู้คนสะดุ้ง อาเบะหันไปดูด้านหลัง ดูเหมือนกระสุนจะไม่โดนเขา แต่จากนั้นอีก 2 วินาทีต่อมา คนร้ายก็ยิงปืนนัดที่สอง

คราวนี้กระสุนพุ่งเจาะไปที่หน้าอกด้านซ้าย อาเบะล้มลงไปกองกับพื้นทันที ส่วนคนร้ายโดนรวบตัวไว้ทันทีในที่ก่อเหตุ โดยไม่มีท่าทีจะวิ่งหนีแต่อย่างใด

6) ใน 1 นาทีหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมืองนาราได้รับแจ้งเหตุ และจากนั้นอีก 5 นาทีรถพยาบาลมาถึง และพาอาเบะไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด โดยอาเบะไปถึงมือหมอ ในเวลา 12.20 น. หรือ 50 นาทีหลังจากโดนยิง

7) อาเบะเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก แพทย์ทำการรักษาอย่างเต็มที่มากกว่า 4 ชั่วโมง มีการใช้เลือดสำรองมากกว่า 100 ถุง แต่สุดท้ายบาดแผลที่หัวใจ และ ลำคอ มันรุนแรงเกินไป แพทย์ก็เกินความสามารถจะยื้อเอาไว้ได้ อาเบะเสียชีวิต ในเวลา 17.03 น. ที่โรงพยาบาลในเมืองนารา

8)สำหรับคนร้าย มีชื่อว่า เท็ตสึยะ ยามากามิ วัย 41 ปี เป็นชาวเมืองนารา เขาวางแผนมาโดยตั้งใจ โดยศึกษาตารางเวลาของอาเบะในเว็บไซต์ว่าจะมาหาเสียงที่จุดไหน จากนั้นแอบไปยืนอยู่ด้านหลังของอาเบะก่อนจะขึ้นเวที เตรียมพร้อมก่อเหตุไว้แล้ว

9) ข้อมูลเท่าที่ทราบคือ เขาเคยเป็นกำลังพลหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองกำลังป้องกันตนเอง แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงตกงาน โดยปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนแบบโฮมเมด ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง มีความยาว 40 ซม. ขณะที่แรงจูงใจ ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงว่า ตัวคนก่อเหตุ เข้าใจว่าอาเบะมีความสัมพันธ์กับเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งที่คุณแม่ของคนร้ายเอาเงินไปบริจาคจนครอบครัวลำบาก ทำให้คนร้ายมีความแค้น จึงมาสังหารอาเบะเพื่อล้างแค้น

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานยืนยันอะไรเลย ว่าอาเบะอยู่ในลัทธิดังกล่าวหรือไม่ โดยตำรวจไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าลัทธิที่คนร้ายกล่าวถึงมีจริงหรือไม่ โดยตำรวจบุกค้นบ้านของยากามามิ และเจออุปกรณ์สำหรับทำระเบิด เกราะกันกระสุน และอุปกรณ์สำหรับประดิษฐ์ปืนอีกจำนวนหนึ่ง

10) เหตุฆาตกรรมชินโซ อาเบะ เป็นข่าวสะเทือนขวัญชาวญี่ปุ่นอย่างมาก เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีกฎหมายควบคุมปืนที่เข้มงวด รายงานเผยว่าในบรรดาชาติพัฒนาแล้วทั้งหมด ญี่ปุ่นมีอัตราการครอบครองปืนที่ต่ำที่สุด ใน 1,000 คน จะมีปืนแค่ 2.5 กระบอกเท่านั้น ถ้าเทียบกับสหรัฐฯ ใน 1,000 คน จะมีการครอบครองปืน 1,200 กระบอก

ด้วยความที่มีการครอบครองปืนน้อย ทำให้มีเหตุจากอาวุธปืนต่ำมากเช่นกัน ย้อนกลับไปในปี 2018 ญี่ปุ่นมีคนเสียชีวิตจากอาวุธปืนแค่ 9 คนเท่านั้นตลอดปี หากเทียบกับสหรัฐอเมริกาในปีเดียวกัน มีจำนวนคนเสียชีวิต 39,740 คน

11) ประเด็นที่ผู้คนเริ่มพูดถึงคือความปลอดภัยในญี่ปุ่น ที่เริ่มจะมีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในช่วงหลังก็เริ่มมีอันตรายบางอย่างเข้ามา เช่น ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีชายแต่งกายเป็นโจ๊กเกอร์ เอามีดไล่แทงคนที่รถไฟใต้ดินในโตเกียว จนมีคนบาดเจ็บ 17 ราย

12) รวมถึงอีกประเด็นคือปัญหาสุขภาพจิตของคนญี่ปุ่น อย่างกรณีโจ๊กเกอร์เอามีดไล่แทง คนร้ายสารภาพว่า ที่ก่อเหตุเพราะอยากโดนประหารชีวิต หรืออย่างเหตุคราวนี้กับอาเบะ คนร้ายก็ไม่ได้มีเหตุผลที่หนักแน่นในการฆาตกรรม จึงเกิดข้อกังวลใจว่า เกิดอะไรขึ้นสภาพจิตใจของคนญี่ปุ่นในทุกวันนี้ ที่ผลักดันให้ก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ แบบนี้

13) ขณะที่เรื่องการลอบสังหารนักการเมืองนั้น ญี่ปุ่นในอดีต มีข่าวนักการเมืองถูกพยายามลอบสังหารอยู่เป็นระยะ ย้อนกลับไปในปี 1921 ฮาระ ทาคาชิ นายกรัฐมนตรี โดนคนงานรถไฟใช้มีดแทงจนเสียชีวิต คนร้ายโดนจำคุก 13 ปี

ปี 1930 ฮามากูชิ โอซาชิ นายกรัฐมนตรีอีกคนโดนลอบสังหารด้วยการยิงปืนใส่ ที่สถานีรถไฟโตเกียว โดยคนร้ายเป็นพวกชาตินิยมจัด โดนนายกโอซาชิไมตายในวันนั้น แต่จากพิษบาดแผลทำให้เขาไปเสียชีวิตในอีก 9 เดือนต่อมา

ปี 1932 นายกรัฐมนตรีอินุไค สึโยชิ โดนกลุ่มทหารเรือหนุ่มจำนวน 11 คน ที่ต้องการรัฐประหาร รุมสังหารอย่างโหดเหี้ยม ในบ้านพักที่โตเกียว โดยตอนแรกทหารเรือกลุ่มนี้จะลอบสังหารชาร์ลี แชปปลิน นักแสดงตลกชื่อดังที่มาเยือนญี่ปุ่นในฐานะแขกของอินุไคด้วย เพื่อเตรียมสร้างชนวนสงคราม อย่างไรก็ตาม ชาร์ลี แชปปลินหนีรอดไปได้อย่งหวุดหวิด

ปี 1960 อิเนจิโระ อาซานูมะ เลขาธิการพรรคสังคมนิยมญี่ปุ่น ที่อยู่ฝ่ายซ้าย ถูกโอโตยะ ยามากูชิ ชายหนุ่มวัย 17 ปี ที่เป็นสมาชิกของกลุ่มขวาจัด ที่กลัวว่าอาซานูมะจะเปลี่ยนประเทศให้เป็นคอมมิวนิสต์ เอาดาบสั้นญี่ปุ่นพุ่งแทงซี่โครงซ้ายของอาซานูมะ ระหว่างกำลังดีเบทก่อนการเลือกตั้ง สุดท้ายอาซานูมะตายทันที ส่วนคนร้ายหนีความผิดด้วยการแขวนคอตาย

หลังจากเหตุการณ์กับอาซานูมะแล้ว ญี่ปุ่นก็ว่างเว้นจากคดีลอบสังหารนักการเมืองมายาวนานถึง 62 ปี จนมาเกิดเหตุกับชินโซ อาเบะในครั้งนี้ ในยุคสมัยที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงจากประเทศที่เคยอันตรายสำหรับนักการเมือง กลายมาเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมากแล้ว

14) สำหรับชินโซ อาเบะ ผู้เสียชีวิต เขาถูกยกย่องว่าเป็น ไอคอนนักการเมือง เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยมาก แต่อาเบะอยู่ในตำแหน่งได้ถึง 2 วาระ โดยวาระที่นานที่สุด ก็ยาวถึง 7 ปี กับอีก 266 วัน ตั้งแต่ญี่ปุ่นมีระบอบการเมืองที่มีนายกฯ ไม่เคยมีใครอยู่ในตำแหน่งได้ขนาดนี้มาก่อน และเชื่อว่า ถ้าไม่มีปัญหาสุขภาพร่างกาย อาเบะสามารถอยู่ต่อไปได้นานกว่านี้เสียอีก

15) อาเบะเป็นคนเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้นำญี่ปุ่น จากเดิมที่จะอายุเยอะ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่อาเบะเป็นนายกฯ ที่ได้รับตำแหน่งผู้นำประเทศ เร็วที่สุดในรอบ 65 ปี ด้วยวัย 52 เท่านั้น แถมยังพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว เพราะเคยไปเรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนียที่สหรัฐอเมริกา ในการขึ้นปาฐกถาใดๆ เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจ ซึ่งผู้นำญี่ปุ่นน้อยคนจะมาสามารถทำได้

16) เมื่อเกิดเหตุไม่ลอบสังหารที่ไม่คาดฝัน ผู้นำทั่วโลกต่างไว้อาลัยการจากไปของชินโซ อาเบะ ในฐานะนักการเมืองที่ทำให้ญี่ปุ่นมีเสถียรภาพ เข้มแข็ง แต่ไม่ระรานผู้อื่น โดยโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า “ผมเคยทำงานอย่างใกล้ชิดกับเขา สมัยครองตำแหน่งรองประธานาธิบดี ผมไปหาเขาที่โตเกียว และต้อนรับเขาที่วอชิงตัน เขาคือแชมเปี้ยนตัวจริง เป็นพันธมิตรที่ดีของสหรัฐฯ และเป็นผู้สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นระหว่างสองชาติ และที่เหนืออื่นใดเขาใส่ใจประชาชนของตัวเองจริงๆ เขาอุทิศชีวิตให้กับการทำงาน แม้แต่ในวันที่เสียชีวิต เขายังทำงานเพื่อประชาธิปไตยอยู่เลย”

17) ชินโซ อาเบะ เป็นผู้ชายที่เกิดมาเพื่อการเมืองญี่ปุ่น คุณตาของเขาคือโนบุสุเกะ คิชิ อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศ ส่วนคุณพ่อ ชินทาโร่ อาเบะ คืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ดังนั้นชินโซ อาเบะ จึงปลูกฝังจิตสาธารณะที่จะทำงานเพื่อการเมืองของประเทศตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเรียนจบปริญญาตรีในภาควิชาวิทยาศาสตร์การเมือง คือตั้งเป้าอย่างชัดเจนว่า จะทำงานในด้านนี้

อาเบะเกิดมาเพื่อเป็นนักการเมือง ใช้ชีวิตอย่างเป็นนักการเมือง และตายไปในช่วงที่กำลังปราศรัยหาเสียงในฐานะนักการเมือง เขามีชีวิตด้วยความเชื่อในระบอบประชาธิปไตยจนถึงวาระสุดท้ายของลมหายใจ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า