‘พลทหาร’ มือยิงหนุ่มดับคาด่าน เข้าขอขมาศพ

ประเด็นคือ – นำศพ “นายศรชัย” เผาแล้ว จนท.มอบเงินเยียวยา ด้านพลทหารวัยชัย มือยิง ถูกคุมตัวเข้าขอขมาศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฌาปนสถานวัดเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย พล.ต.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันท์ ผบ.ร.17 เป็นประธานในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปี ซึ่งเสียชีวิตถูกยิงขณะขับรถผ่านด่านตรวจชุมชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อ เหตุเกิดวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา

ก่อนการสวดพระอภิธรรมศพจะเริ่มขึ้น ฝ่ายทหารได้ขออนุญาตไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช เบิกตัวพลทหารวันชัย จำปา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา เข้าขอขมาต่อหน้าศพ นายศรชัย รวมทั้งให้ขอขมา นางนาสอ จะยอ แม่ของนายศรชัยและญาติคนอื่นๆ ด้วย โดยทางเจ้าภาพ ได้จัดเก้าอี้ให้ญาตินั่งเรียงรายหน้าศพ กระทั่งถึงเวลาสารวัตรทหารได้นำตัวผู้ต้องหาที่สวมใส่ชุดป้องกันความปลอดภัยเข้ากราบขอขมาศพ ก่อนจะขอขมาญาติท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

โดยพลทหารวันชัย มือยิง ได้สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบมิดชิด และใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ได้ควบคุมตัวไปคุมขังต่อ โดยไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่ขณะที่พลทหารวันชัยมาขอขมา มารดาและญาติของนายศรชัยต่างส่งเสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในขณะที่พลทหารวันชัยก็อยู่ในอาการสงบนิ่ง ส่วนในเรื่องของคดี ทางพลทหารวันชัย จะขึ้นศาลในวันที่ 24 ม.ค. นี้

ต่อจากนั้นจึงเริ่มมีพิธีฌาปนกิจศพ นายศรชัย โดยมีทาง พล.ต.ณัฐวุฒิ นำทอดผ้าบังสกุลและวางดอกไม้จันทน์ และประชุมเพลิงศพ ซึ่งหลังการเผาศพทางฝ่ายกองผลทหารราบที่ 17 ได้เป็นตัวแทนมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเป็นเงินช่วยเหลือค่าจัดการฌาปนกิจ จำนวน 66,080 บาท และเงินช่วยเหลือด้านคุณธรรมอีก 200,000 บาท โดยมีทางนางนาสอ จะยอ มารดานายศรชัย น.ส.พรทิพย์ จะยอ น้องสาว และ น.ส.ศิริรัตน์ แยเบียง แฟนสาวเป็นผู้รับมอบ

พล.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทางหน่วยในฐานะผู้บังคับบัญชาได้มีการช่วยเหลือเยียวยาไปก่อนหน้านี้แล้วส่วนหนึ่ง และเคยกำชับทุกครั้งแล้วว่า หากไม่จำเป็นไม่ควรใช้อาวุธปืน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเข้มงวดผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฎิบัติหน้าที่อย่างรอบครอบ ไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ให้มีการใช้อาวุธอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเกิดเรื่องก็ต้องรับผิดชอบและช่วยเหลือเต็มที่

น.ส.พรทิพย์ กล่าวว่า ทางญาติพอใจในการเยียวยาของทางเจ้าหน้าที่ โดยพร้อมนำศพมาทำพิธีตามศาสนา และจะนำเถ้ากระดูกไปฝังตามประเพณีอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องของคดี โดยจะต้องว่ากันตามกฎหมายต่อไป โดยมีรายงานว่าทางญาติเองได้มีการร้องคดีไปยังตำรวจกองปราบปราม ซึ่งจะเข้ามาดูแลเรื่องนี้เพื่อให้ความยุติธรรมกับครอบครัว