คาดคนร้ายรู้เรื่องย้ายเซฟ คดีขโมยพระเบญจภาคีและอื่นๆ กว่า 50 ล้าน

คืบหน้าพระเครื่องรวมกว่า 50 ล้านบาทถูกขโมย เจ้าอาวาสเผยปกติเก็บในเซฟธนาคาร แต่มีการปรับปรุงพื้นที่เซฟจึงนำกลับมาไว้ที่กุฏิ ตำรวจคาดคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวในวัดเป็นอย่างดี แอบเข้ามาขโมยในจุดที่ไม่มีวงจรปิด

กรณี วันที่ 14 ก.ค. เวลา 20.30 น. ตำรวจสภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งเหตุคนร้ายงัดกุฏิและเข้าไปขโมยทรัพย์สินของพระครูวิจิตรถิรธรรม เจ้าอาวาสวัดสุธาดล ตําบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง โดยคนร้ายได้พระเครื่องเบญจภาคี และพระเก่าแก่อีกจำนวนมาก รวมกว่า 100 องค์มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท พร้อมขโมยเงินสดและเงินบริจาค รวมประมาณ 2 แสนบาทไปด้วย

วันที่ 15 ก.ค. พ.ต.อ.มนตรี คชาพรรธน์ ผกก. สภ.เมืองอ่างทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเก็บลายนิ้วมือแฝง คนร้ายที่งัดกุฏิและเข้าไปขโมยทรัพย์สินของ พระครูวิจิตรถิรธรรม โดยพระเครื่องที่หายไปเป็นพระเครื่องพระเบญจภาคี ได้แก่ พระสมเด็จวัดระฆัง พระรอด พระนางพญา พระผงสุพรรณ และพระซุ้มกอ ซึ่งเป็นพระเครื่องเก่าแก่เจ้าอาวาสเก็บสะสมไว้นานแล้ว และที่ผ่านมาก็ได้นำเข้าประกวดพระเครื่องได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้ว

พระครูวิจิตรถิรธรรม เล่าว่า ในวงการพระเครื่องจะรู้จักในนาม “เสริฐ เมืองลพ” และเคยเป็นกรรมการตัดสินพระเครื่องมาแล้วหลายสนาม ได้สะสมพระเครื่องต่างๆ ที่มีราคาไว้จำนวนมาก โดยได้ส่งเข้าประกวดได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายรายการ ส่วนใบประกาศนั้นได้ขายไปหมดแล้วเหลือเพียงแต่พระเครื่อง แต่ยังโชคดีที่มีพระเครื่องอีกจำนวนมากหลงเหลืออยู่ที่คนร้ายไม่ได้ขโมยไป ซึ่งเป็นพระเครื่อง พระสมเด็จวัดระฆัง พระรอด พระนางพญา พระผงสุพรรณ อีกจำนวนหนึ่ง

ที่ผ่านมานั้นได้นำพระเครื่องที่มีราคาไปฝากไว้ในเซฟที่ธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง แต่ในช่วงนี้ทางธนาคารได้ซ่อมแซมพื้นที่บริเวณเซฟ จึงได้นำกลับมาเก็บไว้ที่กุฏิก่อนถูกขโมยไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเงินสดกว่าสองแสนบาท

พระเครื่องส่วนที่รอดจากการถูกขโมย

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้ากุฏิ พบว่ามีการถอดสายไฟออกมาในตอนซ่อมแซมกุฏิแล้วยังไม่ได้เสียบสายไฟกลับ ส่วนกล้องวงจรปิดที่บริเวณศาลาหน้าวัดนั้นตรวจสอบแล้วแต่ยังไม่พบภาพผู้ต้องสงสัย เนื่องจากคนร้ายแอบเข้าทางด้านประตูหลัง ซึ่งบริเวณด้านประตูหลังนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด คาดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่รู้ความเคลื่อนไหวภายในวัดเป็นอย่างดี โดยลงมือก่อเหตุอาศัยจังหวะช่วงเวลาพระออกไปรับกิจนิมนต์งานศพที่บริเวณศาลาการเปรียญ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป