อ้างเป็นตำรวจยศสารวัตร หลอกตีสนิทรีดเงินญาติคนไข้ในรพ.จันทบุรี

คนร้ายตีเนียนญาติคนไข้ ออกอุบายทางโรงพยาบาลไม่ให้เอากระเป๋าเข้าห้องน้ำ ก่อนฉกทรัพย์สินเป็นเงิน 17,000 บาท เจ้าหน้าที่แกะลอยจากกล้องวงจรปิดตามรวบไว้ได้ หลังหนีกบดานที่ระยอง

วันที่ 23 พ.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(22 พ.ค. 62) เวลา 23.00 น. พ.ต.ท.สิรวิชญ์ มหัทธนวิศิษฎ์ สว.สส.สภ.เมืองจันทบุรี หัวหน้าชุดจับกุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้นำตัว นายอนันต์ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฉกทรัพย์สินญาติคนไข้ภายในโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี พร้อมของกลางเป็นเงินสด 17,000 บาท นาฬิกา 1 เรือน และกระเป๋าสะพาย 2 ใบ มาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี เพื่อสอบสวน หลังตำรวจชุดสืบสวนสามารถตามไปจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านพัก ในจังหวัดระยอง

เบื้องต้น นายอนันต์ ผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุฉกทรัพย์สินของ นายประสิทธิ์ อายุ 26 ปี ชาวศรีสะเกษ ที่มาเยี่ยมคนไข้ภายในโรงพยาบาลจริง โดยผู้ต้องหาได้เข้าไปตีสนิทกับผู้เสียหาย ก่อนที่ผู้เสียหายจะขอเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาจึงออกอุบายว่าทางโรงพยาบาล ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าสะพายที่พกติดตัวมาเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาจึงได้ให้ผู้เสียหายนำกระเป๋ามาฝากไว้ ก่อนจะใช้ช่วงที่ผู้เสียหายเข้าห้องน้ำ ฉกทรัพย์สินที่เป็นเงินสด จำนวน 17,000 บาท และนาฬิกา 1 เรือนที่อยู่ในกระเป๋าไป จากนั้นจึงได้ฝากกระเป๋าไว้กับเพื่อนผู้เสียหาย และหลบหนีโดยการเหมารถรับจ้างไปส่งที่จังหวัดระยองเพื่อกบดาน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา

ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี สามารถจับภาพผู้ต้องหาที่ก่อเหตุไว้ได้ ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี จะสืบสวนแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนทราบว่าคนร้ายกบดานอยู่ที่ใด และสามารถตามจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางได้ในที่สุด

นายอนันต์ ผู้ต้องหา กล่าวว่า ได้ก่อเหตุเช่นนี้ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี มาประมาณ 2-3 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ทรัพย์สินที่ได้เป็นเงินสด สาเหตุที่ก่อเหตุ คือไม่มีเงินใช้ ประกอบกับจะเอาเงินที่ได้ไปเล่นการพนัน พอเงินหมดก็จะกลับมาก่อเหตุอีก

นายประสิทธิ์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองมาเยี่ยมเพื่อนที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี จากนั้นก็ได้เจอกับผู้ต้องหา โดยที่ตนเองไม่รู้จักกับผู้ต้องหามาก่อนเลย แต่ผู้ต้องหาได้เข้ามาตีเนียน โดยการนั่งคุยกัน โดยอ้างว่าเป็นตำรวจ และจะซื้อกางเกงให้ จากนั้นตนเองขอตัวจะเข้าห้องน้ำ ผู้ต้องหาก็ออกอุบายว่าทางโรงพยาบาลไม่ให้นำกระเป๋าเข้าไป จากนั้นผู้ต้องหาก็เอามือมาเอากระเป๋าตนเองออกจากคอ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะรอจังหวะที่ตนเองเข้าห้องน้ำและหยิบเงิน และนาฬิกา ก่อนจะนำกระเป๋าไปฝากเพื่อนของตนเองไว้ และเดินหายไปดังกล่าว