Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 14 ตุลาคมปีที่แล้ว Amy Klobuchar และ Chuck Grassley สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เสนอกฎหมายควบคุมบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในชื่อกฎว่า American Innovation and Choice Online Act ซึ่งมีกำหนดการอภิปรายในวันที่ 20 มกราคมนี้ 

เป้าหมายของกฎหมายคือต้องการควบคุมบริษัทไอทีใหญ่ทั้งหลายหรือ Big Tech ไม่ว่าจะเป็น Google, Apple, Meta เป็นต้น 

ตัวกฎหมายต้องการทำให้แน่ใจว่า ธุรกิจขนาดเล็กยังมีที่ยืนและสามารถประสบความสำเร็จได้ในโลกธุรกิจดิจิทัล และจำกัดอำนาจของ Big Tech ในการโปรโมทสินค้าตัวเองเหนือคู่แข่ง 

หรือกล่าวอีกนัยว่า กฎหมายนี้ กระทบ Google เจ้าแห่งระบบค้นหา และ Apple ผู้ครองตลาดร้านค้าแอปพลิเคชันเต็มๆ 

ซึ่งหากกฎหมายนี้ผ่าน ผู้ใช้งานสามารถทำการไซด์โหลดแอปพลิเคชันภายนอกเข้ามาในมือถือได้ จากเดิมที่ต้องติดตั้งหรือดาวน์โหลดจากร้านค้าแอปอย่าง App Store หรือ Play Store เท่านั้น ลดการผูกขาดการดาวน์โหลดแอปแต่เพียงผู้เดียว

และก่อนที่ร่างกฎหมายจะเข้าสู่ขั้นตอนอภิปรายในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ทั้ง Google และ Apple ก็พร้อมใจกันออกแถลงการณ์ต่อต้านกฎหมายนี้สุดตัว 

  • Apple ชี้เป็นภัยต่อประชาชนอเมริกา 

ฝั่ง Apple ชี้ว่า ร่างกฎหมายจะกีดกันนวัตกรรมใหม่ๆ และที่สำคัญกว่านั้น คือ Apple จะดำเนินการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของอุปกรณ์ส่วนบุคคลในสหรัฐยากขึ้นไปอีก 

ในทางกลับกัน ตัวกฎหมายจะยิ่งเอื้อให้ผู้ไม่หวังดี และผู้ที่ขาดความรับผิดชอบในการดูแลปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล หลบเลี่ยงระบบความปลอดภัย และเข้ามาสร้างมัลแวร์, Ransomware ซึ่งเป็นภัยต่อประชาชน 

ชาวอเมริกันหลายล้านคนอาจถูกหลอกให้ติดตั้งซอฟต์แวร์อันตราย และถูกโจมตีจากมัลแวร์ที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลไม่ควรมองข้ามจุดนี้ 

นอกจากนี้ กระบวนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของ Apple ช่วยปกป้องลูกค้าจาก สัญญาณอันตรายจากภัยไซเบอร์ พร้อมยังบอกด้วยว่าอุปกรณ์ iOS มีมัลแวร์น้อยกว่าอุปกรณ์ Android ถึง 98% ซึ่งผู้บริโภคจะสูญเสียการคุ้มครองนั้นไปหากกฎหมายมีผลบังคับใช้ 

  • Google ชี้ กฎหมายบ่อนทำลายความเป็นผู้นำไอทีในระดับโลกของสหรัฐฯ

Google ออกแถลงการณ์ในทิศทางเดียวกันกับ Apple คือเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย และความสามารถของบริษัทในการป้องกันภัยไซเบอร์ 

ซึ่งอีกประเด็นที่ Google หยิบยกมาถกเถียงคือ กฎหมายดังกล่าวจะลดบทบาทของสหรัฐฯในการเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี 

เนื่องจากประชากรอเมริกันจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในเวอร์ชันที่แย่กว่า เพราะบริษัทไอทีในสหรัฐฯต้องได้การอนุมัติจากรัฐบาลก่อน หากต้องสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ หรือแม้ต้องแก้ไขปรับปรุงอะไรบางอย่าง 

นอกจากนี้ ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Google ที่ดีอยู่แล้วอย่าง Google Search และ Google Maps ถูกลดประสิทธิภาพลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กที่พึ่งพาช่องทาง Google ในการเข้าถึงลูกค้า 

 

การที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามควบคุม  Big Tech นั้นคุกรุ่นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และที่ผ่านมามีการฟ้องร้องผูกขาดบริษัทไอทีหลายครั้ง โดยครั้งใหญ่ๆ คือ

  • Epic ฟ้อง Apple จากกรณีแบนแอป Fortnite บน App Store 
  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องร้อง Google ข้อหาผูกขาดบริการค้นหา Google Search และการโฆษณาบนระบบค้นหา ถือเป็นการฟ้องร้องจากรัฐโดยตรง 
  • คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐอเมริกา หรือ FTC ฟ้อง Facebook ในข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลมีเดียจากการเข้าซื้อ Instagram และ WhatsApp ส่งผลให้ Facebook กลายเป็นโซเชียลมีเดียรายใหญ่มากๆ มีผู้ใช้งานมหาศาล 

ความพยายามของรัฐในการจำกัดอำนาจ Big Tech ยังขยายไปยังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะยุโรปและเกาหลีใต้ที่มีกฎหมายเข้มข้น เหตุการณ์สำคัญคือ Google โดนคณะกรรมาธิการยุโรปสั่งปรับกว่า 9 หมื่นล้านบาท ฐานผูกขาดผลการค้นหาช้อปปิงออนไลน์ (10 พฤศจิกายน 2021) 

ด้านเกาหลีใต้ สั่งปรับ Google 5.8 พันล้านบาทในข้อหาผูกขาดระบบปฏิบัติการ (14 กันยายน 2021) เกาหลีใต้ยังเป็นประเทศแรกๆ ที่แบนการผูกขาดการชำระเงินภายในแอปด้วย  

Google, Apple รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อื่นๆ แม้จะกำลังถูกรัฐบาลเพ่งเล็ง และเจ็บเนื้อเจ็บตัวจากการโดนปรับ แต่ก็ยังเป็นบริษัทที่ผงาดได้ในภาวะวิกฤตโรคระบาดที่คนและองค์กรปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล 

ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า กฎหมาย American Innovation and Choice Online Act จะออกมาบังคับใช้หรือไม่ และหากบังคับใช้ ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจะเป็นอย่างที่ Google และ Apple คาดการณ์ไว้หรือไม่ 

ที่มา – The Verge, Mac Rumors, Google, 9to5Mac

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า