กทม.เปิดวอร์รูมรับมือ ‘พายุโนรู’ วันแรก

กทม.เปิดศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรูวันแรก จัดทำฉากทัศน์จำลองสถานการณ์น้ำเหนือและน้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งให้ทำแผนเตรียมรับสถานการณ์น้ำด้านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก พร้อม แจ้งเตือนประชาชน ประสานงานพร้อมแก้ไขเหตุการณ์เร่งด่วน

นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการตั้งศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรู กทม. ว่า ในวันนี้เป็นการเปิดศูนย์เป็นวันแรกตามที่ได้รับมอบหมายจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนเตรียมรับมือฝนตกหนัก จากผลกระทบของพายุฯ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนนี้เป็นต้นไป พร้อมติดตามแก้ไขสถานการณ์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การขอกำลังสนับสนุน การประเมินตรวจสอบสถานการณ์

รายงานสภาพอากาศในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบและเตรียมพร้อมรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ซึ่งศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรู กทม. จะมีผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดยมีรองผู้ว่าฯ และปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ซึ่งศูนย์ฯ จะมีการแจ้งถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ให้ประชาชนทราบทุกวัน ผ่านช่องทางสื่อสารของ กทม. รวมถึงการแถลงข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วน ซึ่งประชาชนสามารถติดต่อศูนย์ฯ ได้ที่หมายเลข 0 2248 5115

จากการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ กทม. สั่งการให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นโนรูขึ้น เพื่อบริหารจัดการและรับมือกับพายุที่จะเข้ามา หากมีผลกระทบกับพื้นที่กรุงเทพฯ และได้ให้สำนักการระบายน้ำจัดทำฉากทัศน์จำลองสถานการณ์ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบของน้ำเหนือที่กำลังจะเข้ามา และรูปแบบระดับน้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งให้ทำแผนเตรียมรับสถานการณ์น้ำด้านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และแผนรองรับกรณีน้ำหนุนในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

รองปลัด กทม. กล่าวว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล เจอฝนตกต้อนรับเช้าวันจันทร์ ซึ่งยังไม่ใช่อิทธิพลของพายุ แต่เป็นร่องมรสุมกำลังแรงได้เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคอีสานตอนล่าง ประกอบกับมรสุมประจำฤดูมีกำลังปานกลาง ทำให้เมื่อเช้านี้หลายพื้นที่ทั่วไทยมีฝนปกคลุม ปริมาณฝนอยู่ที่ 70-80% ของพื้นที่ ทำให้แยกแคราย ถนนติวานนท์ ทั้งขาเข้าและขาออก มีน้ำท่วมขังบนถนน ตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลทรวงอก ถึงแยกแคราย ความยาวประมาณ 200 เมตร น้ำท่วมสูง 15 เซนติเมตร โดยในส่วนของภาคอีสานจะได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น “โนรู” มากที่สุด ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นบริเวณกว้าง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก