รวบหนุ่มกระชากกระเป๋าพนักงานสาวบริษัทขนส่งเเห่งหนึ่งสูญเงินกว่า 150,000 บาท พบหนุ่มกระชากกระเป๋าเป็นพี่น้องกับพนักงานสาวที่เข้าเเจ้งความ ทั้งคู่สารภาพนำเงินไปใช้หนี้จนหมด จึงกุเรื่องเพื่อไม่ให้บริษัททวงเงิน ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ
จากกรณีที่นางสาวพัชราภรณ์ อายุ 29 ปี หัวหน้าพนักงานส่งสินค้า บริษัทขนส่งแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ได้เข้าแจ้งความกับทาง พ.ต.ต.วันชัย แสงอ่วม สว.(สอบสวน) สภ.บ้านบึง เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 62 เวลา 09.40 น. หลังจากเดินไปซื้อกล้วยทอดริมถนนวัฒนานุกิจใกล้ซอยราษฎรอุทิศ 3 เขตเทศบาลเมืองบ้านบึง ตำบลบ้านบึง จังหวัดชลบุรีและกำลังคุยโทรศัพท์ โดยที่มือข้างขวาหิ้วกระเป๋าสีดำที่มีเงินสดจำนวน 180,000บาท แหวนทอง 1 สลึง มูลค่า 5,700 บาท เอกสาร ต่างๆ จู่ๆมีคนร้ายขับรถ จักรยานยนต์มากระชากกระเป๋า ก่อนหลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว
หลังได้รับตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามขอดูกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและใกล้เคียงพบว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ สีชมพู-ขาว โดยมีนายประดิษฐ์ อายุ 37 ปี เป็นคนก่อเหตุ จึงได้ติดตามจับกุมตัวมาสอบสวน จนทราบว่านายประดิษฐ์เป็นพี่ชายของนางสาวพัชราภรณ์ พนักงานขนส่งของบริษัทแห่งหนึ่งที่แจ้งความไว้ โดยวานนี้(17 ก.ย. 2562) เวลา 23.30 น.นางสาวพัชราภรณ์ ผู้เสียหายได้เดินทางมายัง สภ.บ้านบึงหลังทราบว่าจับคนร้ายได้แล้ว
พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.บ้านบึง เผยว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 62 ที่ผ่านมาตำรวจ สภ.บ้านบึงได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายลักษณะขี่รถมากระชากกระเป๋าของพนักงานสาวบริษัทขนส่งของแห่งหนึ่ง บริเวณหลังธนาคารกรุงเทพสาขาบ้านบึง พอได้รับแจ้งทางตำรวจก็ได้เร่งรัดลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนกระทั่งนำมาสู่การจับตัวคนร้ายได้และได้แจ้งไปยังผู้เสียหายให้มาดูตัวผู้ก่อเหตุ
ปรากฏว่าเป็นคนละเรื่องหนังคนละม้วนหลังจากการสอบสวน ทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าเป็นพี่น้องต่างบิดากันแต่มารดาคนเดียวกัน ทั้ง 2 คนยอมรับว่าได้นำเงินจำนวน 150,000 บาทของบริษัทที่ได้มาเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 62 ไปใช้จ่ายเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาพอมาถึงวันที่ 15 ก.ย. 62 ต้องนำเงินทั้งหมดมาฝากเข้าบัญชีของบริษัทแต่ด้วยความที่นำเงินไปใช้จ่ายหนี้สินจนหมดไม่มีเงินมาฝากจึงได้วางแผนกันทำทีว่าขณะที่นำเงินมาฝากธนาคารแล้วมีคนร้ายมากระชากกระเป๋าเพื่อหลบหนีความผิดที่นำเงินของบริษัทไปใช้จ่าย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังเผยอีกว่า จากการสอบสวนทั้งคู่ให้การยอมรับแล้วสำนวนที่เป็นการวิ่งราวทรัพย์ต้องเป็นแนวทางร่วมกันยักยอกทรัพย์เงินของบริษัท ส่วนนางสาวพัชราภรณ์ ต้องถูกเพิ่มอีก 1 ข้อหาแจ้งความเท็จ ก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งคู่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป