ตำรวจเชียงใหม่รับอาจต้องปรับแผนตั้งด่าน หลังเกิดเหตุเมาแล้วขับชนคนตายอีก

จากกรณีอุบัติเหตุ รถกระบะชนหญิงสูงอายุที่ขี่รถจักรยานเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลวีรยา ถนนสันทราย-แม่โจ้(สายเก่า) ตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่  และเบื้องต้นพบว่าคนขับรถยนต์กระบะเมาแล้วขับ ซึ่งทำให้เกิดกระแสในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อวันที่ 28 ก.ค.62 ก็เกิดเหตุนักปั่นชมรมปั่นจักรยานเสือสันทราย ถูกคนเมาแล้วขับชนเสียชีวิต บนถนนเส้นเดียวกันนี้และเป็นช่วงเช้ามืดเช่นกัน

วันที่ 1 ก.ย. พันตำรวจเอกสุรพงษ์ บุญยืน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันทราย เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 05.40 น.วันนี้ และเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุทันที พบนางสาวบุญพึ่ง ทินะ อายุ 64 ปี ชาวตำบลสันทรายหลวง เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมกับซากรถจักรยานที่เสียหายยับเยิน และใกล้กันพบรถยนต์กระยี่ห้อนิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน งต-7830 เชียงใหม่ มีร่องรอยการชนด้านหน้า

เบื้องต้นทราบว่านางสาวบุญพึ่ง กำลังขี่จักรยานจากตลาดกลับบ้านไปตามเส้นทางดังกล่าว จากนั้นรถกระบะที่มีนายมนัสพงศ์ ญานะ อายุ 42 ปี ชาวตำบลเมืองเล็น อำเภอสันทราย เป็นคนขับได้พุ่งชนท้ายรถจักรยานอย่างแรง จนเป็นเหตุให้นางสาวบุญพึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อุปกรณ์เครื่องมือตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของนายมนัสพงศ์ พบว่าสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีข้อหาเมาสุราขับขี่รถยนต์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก

ส่วนการที่อุบัติเหตุครั้งนี้กลายเป็นที่สนใจอย่างมากอีกครั้งเนื่องจากเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วเพิ่งเกิดเหตุกับ ว่าที่ร้อยตรีสุพล ตาสิงห์ อายุ 60 ปี นักปั่นสมาชิกชมรมปั่นจักรยานเสือสันทราย ที่ถูกคนเมาแล้วขับชนเสียชีวิตบนถนนเส้นทางเดียวกันนี้และเป็นช่วงเช้ามืดเหมือนกันนั้น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันทราย ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสันทราย ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการป้องกันการเกิดเหตุลักษณะนี้ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายและตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทางในช่วงกลางคืน ซึ่งปัญหาหนึ่งที่พบคือแม้จะควบคุมร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และจำหน่ายสุราในพื้นที่ได้ แต่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ขับกลับมาจากร้านที่อยู่ในตัวเมือง และจำนวนไม่น้อยหลีกเลี่ยงการขับขี่ในช่วงที่มีการตั้งด่าน

อย่างไรก็ตามจะพยายามปรับแผนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพในการสกัดกั้นได้มากขึ้น ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องกำลังพลที่มี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุความสูญเสียเช่นนี้อีก ทั้งนี้ กรณีอุบัติเหตุลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นนั้น นอกเหนือจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันสกัดกั้นและเข้มงวดกวดขันจับกุมคนเมาแล้วขับแล้ว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยจิตสำนึกในการขับขี่ของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันด้วย ที่จะต้องมีความรับผิดชอบและรู้ตัวว่าหากเมาสุราแล้วจะต้องไม่ขับขี่ เพราะอาจจะก่อให้เกิดอันตรายและความสูญเสียตามมาทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น