สธ. ย้ำ ยังไม่มียาเฉพาะใช้รักษาโควิด ยัน ‘ยาฟาวิพิราเวียร์’ ยังรักษาโรคได้ดี

อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยังมีประสิทธิภาพรักษาโควิด-19 ได้ดี เผย มีข้อมูลการวิจัยสนับสนุนยืนยันรักษาความรุนแรงของอาการป่วยได้ สามารถลดการเกิดอาการรุนแรงลงได้ร้อยละ 28.8

วันที่ 20 ส.ค. 2564 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีมีผลวิจัยการรักษาโควิด-19 ด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ และแนะนำให้ทบทวนการรักษาด้วยยานี้ว่า ตามหลักการกลไกการออกฤทธิ์ของยาฟาวิพิราเวียร์ คือ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ RNA ไวรัส ทำให้เชื้อไวรัสเปลี่ยนแปลงไปและถูกร่างกายกำจัดออกไปได้ เดิมยาฟาวิพิราเวียร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนรักษาไข้หวัดใหญ่และไวรัสอีโบล่าได้ผล เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ทั่วโลกยังไม่มียาตัวใดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่ารักษาโควิด-19 ได้ชัดเจน ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดแรกๆ ไทยจึงนำผลศึกษาวิจัยของจีนและรัสเซีย ที่พบประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียร์ ลดการติดเชื้อในผู้ป่วยโควิด-19 ได้ดีกว่ายาต้านไวรัสเอดส์ โดยเฉพาะถ้าให้ยาฟาวิพิราเวียร์ได้เร็ว คณะแพทย์ของไทย จึงนำผลวิจัยนี้มาจัดทำแนวทางการรักษาโควิด-19 ของไทย

โดยมีข้อมูลการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ในไทยว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับยาภายใน 4 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการ สามารถลดการเกิดอาการรุนแรงลงได้ร้อยละ 28.8 ในกลุ่มผู้ป่วยปอดบวมรุนแรง ใช้เวลานาน 17 วัน ได้ผลดีขึ้น กลุ่มผู้ป่วยปอดบวมไม่รุนแรงใช้เวลา 9 วัน

ส่วนผลวิจัยของ HITAP ทั้ง 12 การศึกษาในต่างประเทศ บางรายงานพบว่ามีประสิทธิผล บางรายงานไม่พบว่ามีประสิทธิผล เนื่องจากข้อมูลการศึกษามีความหลากหลาย แยกย่อยในหลายประเด็น ทั้งสถานที่ศึกษา ผู้ป่วยในผู้ป่วยนอก ขนาดและปริมาณยาที่ใช้ เป็นต้น

ทำให้ ทั้ง 12 การศึกษานี้มีผลค่อนข้างแปรปรวน เบื้องต้น จึงมีข้อสรุปจากการใช้จริง ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของทั้ง 12 การศึกษา ที่ว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ มีผลลดอาการทางคลินิกใน 7 วัน

ขณะที่ ประเทศไทย มีคณะกรรมการกำกับดูแลรักษาโควิด-19 ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากกรมต่างๆ ในกระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยและสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง โรงเรียนแพทย์ มีแนวทางปฏิบัติการรักษาให้ยาฟาวิพิราเวียร์ และได้พยายามทดลองยาตัวอื่นแล้ว ถือเป็นข้อสรุปที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

ทั้งนี้ อธิบดีกรมการแพทย์ ยังยืนยันว่า ไทยมีการสั่งจองยาฟาวิพิราเวียร์ จากต่างประเทศและที่ผลิตเอง อาจถึง 100 ล้านเม็ด ไม่ขาดอย่างแน่นอน

ที่มา : https://web.facebook.com/fanmoph/videos/2903196946584886