“ปลอดประสพ” ชี้เลี้ยงปลาพื้นที่น้ำท่วมต้องรู้จริง-ปลาต้องโตใน 2 เดือน

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวกับชาวพิษณุโลกและสุโขทัย ขณะที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมว่า พื้นที่ที่น้ำท่วมบ่อยรัฐบาลอาจจะเช่าเป็นที่กักเก็บน้ำและสร้างอาชีพใหม่ คือ เลี้ยงปลาแทนการทำนา

วันที่ 5 ก.ย. นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยินดีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเมื่อน้ำท่วมก็ให้ไปเลี้ยงปลา ขอให้ทำจริงๆ อย่าให้เป็นเหมือนครั้งแนะนำให้ปลูกหมามุ่ย

ตนเคยพูดเรื่องนี้มาแล้วในการบรรยายเรื่องการบริหารจัดการทุ่งน้ำท่วม จึงขอขยายความให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ตีความการบริหารจัดการน้ำท่วมแคบๆ เพียงว่าเป็นการระบายน้ำเท่านั้น

หากเทียบกับกรณีชายฝั่งทะเลที่มีพื้นเป็นโคลน เช่น บริเวณจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงครามและเพชรบุรี เมื่อเวลาน้ำลงท้องทะเลจะปรากฏเป็นลานโคลน (Mud Flat) เหมือนสภาพน้ำแล้ง ชาวประมงจะเลี้ยงและจับหอยแครง หอยหลอด เมื่อน้ำขึ้นน้ำทะเลก็จะท่วมลานโคลนทั้งหมดจนกลายเป็นทะเล ซึ่งก็เหมือนน้ำท่วมน้ำหลาก คราวนี้ชาวประมงก็จะรุนกุ้งรุนเคยแทน

ส่วนแผ่นดินในพื้นที่ราบลุ่มของภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงฤดูร้อนปลูกพืชไร่โดยเฉพาะข้าวด้วยการสนับสนุนของระบบชลประทาน (ระบายน้ำเข้าไป) ครั้นฤดูน้ำท่วมหรือน้ำหลาก (น้ำผ่านไปลงทะเล) ก็เลี้ยงปลาในคอกในกระชังและจับปลาที่อยู่ตามธรรมชาติแทน

แต่เงื่อนไขของความสำเร็จในระบบนี้ก็คือ เกษตรกรหรือชาวประมงจะต้องรู้ตารางน้ำท่วมและแผนที่น้ำท่วมที่แม่นยำมากจะต้องเริ่มตรงเวลา ใช้ขนาดลูกปลาที่ค่อนข้างโตเพราะมีเวลาเลี้ยงเพียง 2 เดือนเท่านั้น และในช่วงนี้น้ำจะแห้งไม่ได้เด็ดขาด ตนหวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ จะมีโอกาสอ่านบทความทางวิชาการนี้ และขอให้เชื่อตนเพราะหวังดีและรู้จริง

นายปลอดประสพ ยังระบุด้วยว่า ปัญหาการระบายน้ำท่วมของประเทศไทยก็คือ เราเอาระบบส่งน้ำ (ชลประทาน) มาระบายน้ำ ผลที่ได้จึงขาดประสิทธิภาพ ระบบส่งน้ำจะเริ่มจากที่ใหญ่ เช่น เขื่อน จากนั้นก็จะไหลไปตามคูคลองที่เล็กลงเรื่อยๆ จนถึงเหมืองไส้ไก่หรือคันคูน้ำ แต่การแก้ไขน้ำท่วมนั้นต้องการระบบระบายน้ำซึ่งจะเดินตรงข้ามกับการส่งน้ำ การระบายน้ำจะเริ่มจากที่เล็กและก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นแม่น้ำ ปากแม่น้ำและทะเลในที่สุด เราต้องการคลองระบายน้ำครับ ซึ่งรัชกาลที่ 9 ก็ทรงทำเป็นตัวอย่างมาแล้ว เช่น คลองลัดโพธิ์ เป็นต้น การที่นายกรัฐมนตรี พูดว่าประเทศไทยต้องการแผนการบริหารน้ำทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และย้ำว่าต้องเริ่มทำอย่างจริงจังแล้ว ตนจึงขอทวงว่า เมื่อไรจะทำเสียที