เริ่มแล้ว! แคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานเป็นเบาใจ” ชวนคนไทยมาใช้ชีวิตอย่างแฮปปี้ สุขภาพดีรับวันเบาหวานโลก

เคยมีคำพูดที่ว่า เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว จะต้องทานอาหารน้อยลง และทานยาไปตลอดชีวิต ซึ่งนั่นทำให้ผู้เป็นเบาหวานเกิดความกังวลใจ และใช้ชีวิตได้อย่างไม่เต็มที่นัก เพราะถ้าต้องงดของอร่อย และทานแต่ผัก ผลไม้ ก็คงมองว่าโรคเบาหวาน เป็นอุปสรรคของชีวิต

แต่วันเบาหวานโลกปีนี้ จะทำให้ความคิดและความรู้สึกแบบเดิมๆ นั้นเปลี่ยนไป ด้วยความพิเศษกว่าที่เคย โดย กลูเซอนา จัดกิจกรรมดีๆ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายกับ แคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานให้เบาใจ” ชวนคนไทยมาเปลี่ยนโรคเบาหวานที่ดูเหมือนน่าหนักใจ ให้กลายเป็นโรคที่ใช้ชีวิตได้อย่างเบาใจ และมีความสุขมากขึ้น ผ่าน Workshop ที่อัดแน่นไปด้วยสาระและความสนุก

แคมเปญนี้เป็นการร่วมมือระหว่างกลูเซอนา ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้เป็นเบาหวาน* และโมดิช ฟู้ด ดีไซน์ ร้านอาหารสุขภาพดิลิเวอรี่ที่ออกแบบอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความรู้ทางด้านโภชนาการ พร้อมเสริมสร้างความเข้าใจในด้านการดูแลตัวเอง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันสำหรับผู้เป็นเบาหวานและผู้ดูแล

โดย Workshop ที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยการตรวจวัดมวลร่างกาย (BMI) ค่าระดับน้ำตาลในเลือด และความดันเลือดของผู้เข้าร่วมแคมเปญ ณ จุดลงทะเบียน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการอ่านค่าข้อมูลต่างๆ และเริ่มบันทึกสถิติก่อนเริ่มแคมเปญเป็นรายบุคคล

ตามด้วยกิจกรรมการส่งเสริมความรู้ทางด้านโภชนาการพร้อมเสริมสร้างความเข้าใจในด้านการดูแลตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ให้ผู้ป่วยเบาหวานได้เข้าร่วมอีกมากมาย ตลอด 5 ชั่วโมงเต็ม ได้แก่

Interactive Lecture การให้ความรู้เรื่องเบาหวานอย่างครบถ้วน อาทิ สาเหตุการเกิดโรค ประเภทของโรค การดูแลรักษาร่างกาย การทานอาหาร บทบาทของอาหารทางการแพทย์ และการใช้อาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานอย่างเหมาะสม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ซึ่งกิจกรรมเต็มไปด้วยความสนุก ผู้เข้าร่วมแคมเปญทุกคนร่วมตอบคำถาม ซักถามข้อสงสัย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดคลาสเรียน

การให้ความรู้ด้านอาหารแลกเปลี่ยน จากทีมนักกำหนดอาหาร เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานควรแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วน ด้วยหลัก 2:1:1 (ผัก:ข้าว-แป้ง:เนื้อสัตว์) และควรปรุงอาหารต่อวันไม่เกิน 6:6:1 ช้อนชา (น้ำตาล:น้ำมัน:เกลือ) การมีความรู้ด้านอาหารแลกเปลี่ยน จะทำให้สามารถเปรียบเทียบ และเห็นภาพชัดเจนขึ้นในการเลือกวัตถุดิบทำอาหาร เพราะแม้ว่าอาหารบางอย่างจะให้สารอาหารประเภทเดียวกัน แต่อาจให้พลังงานต่างกัน

โดยข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการแลกเปลี่ยนอาหาร คือ ปริมาณข้าวสวยที่แนะนำให้ทานคือไม่เกิน 2 ทัพพี/มื้อ สามารถแลกเปลี่ยนกับข้าวโพด ½ ฝัก หรือฟักทอง 1 ทัพพีได้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ได้รับในแต่ละมื้อ

Workshop การอ่านข้อมูลบนฉลากสินค้าประเภทเครื่องปรุงรส ขนมขบเคี้ยว อาหารสำเร็จรูป และอื่น ๆ โดยแนะนำการอ่านฉลากตั้งแต่จำนวนหน่วยบริโภคต่อบรรจุภัณฑ์ ปริมาณน้ำตาล ปริมาณสารอาหารอื่นๆ ที่แนะนำต่อวัน ร้อยละของสารอาหารที่แนะนำต่อวัน ตลอดจนการเปรียบเทียบสารอาหาร เช่น เช่น ปริมาณน้ำตาล (4 กรัม = น้ำตาล 1 ช้อนชา), ปริมาณคาร์โบไฮเดรต (15 กรัม = ข้าว 1 ทัพพี) เป็นต้น เพราะด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ ขนาดตัวอักษร และการขาดความเข้าใจ ทำให้ฉลากสินค้าเป็นสิ่งที่บางคนมักจะมองข้ามไป

ทั้งนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจคือ คนเราไม่ควรทานน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัมต่อวัน* และสารให้ความหวานแทนน้ำตาลไม่ได้ส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลในเลือด และไม่ให้พลังงาน ดังนั้นถ้าต้องการลดหวานให้ได้ผล ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าว

*ที่มา Good-Health & Well-being. ปรับอาหารลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก www.mgronline.co.th. (วันที่ค้นข้อมูล :18 ตุลาคม 2565)

กิจกรรมการให้คำแนะนำในการสังเกตปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ตั้งแต่จำนวนหน่วยบริโภคต่อบรรจุภัณฑ์ ปริมาณน้ำตาล ปริมาณสารอาหารอื่นๆ ที่แนะนำต่อวัน ตลอดจนการเปรียบเทียบสารอาหาร เพราะหลายครั้งที่เครื่องดื่มหรืออาหารประเภทเดียวกัน มีสารอาหารไม่เท่ากัน และสารอาหารอาจไม่เป็นไปตามคำโฆษณาบนบรรจุภัณฑ์

การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใน Minimart จำลอง กิจกรรมที่ชวนทุกคนนำความรู้ด้านโภชนาการที่ได้เรียนรู้ตลอดทั้งวัน มาลองเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ตามโจทย์สถานการณ์สมมติที่แต่ละคนได้รับ เช่น มื้ออาหารเร่งด่วนตอนเช้า เครื่องดื่มและขนมปังสำหรับปิกนิก เป็นต้น เพื่อช่วยเน้นย้ำความรู้ความเข้าใจ ผ่านการปฏิบัติจริง

มาถึงกิจกรรมความสนุกที่มาพร้อมความอร่อย กับ Cooking Class ที่ชวนมาปรับเปลี่ยนความคิด ว่าอาหารของผู้เป็นเบาหวาน น่าทานกว่าที่คิด กับเมนูที่คิดค้นโดยเชฟจากโมดิช ฟู้ด ดีไซน์ อย่างเมนู “ชาไทยเฉาก๊วยบุก” โดยใช้ กลูเซอนา เอสอาร์ ทริปเปิ้ลแคร์ มาดัดแปลง ซึ่งเหมาะกับผู้เป็นเบาหวาน และมีรสชาติอร่อยไม่ต่างจากชานมไข่มุกตามร้านทั่วไป

*อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

Cooking Class อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวคลุกกะปิ แต่เปลี่ยนเครื่องปรุงรสเป็นสูตรน้ำตาลน้อย โซเดียมต่ำ และเปลี่ยนวัตถุดิบหลักเป็นสิ่งที่ล้วนดีต่อสุขภาพ เช่น ใช้เห็ดแทนเนื้อสัตว์ ใช้ปริมาณผัก 2 ส่วน ตามหลักการแบ่งจาน 2:1:1 และใช้ข้าวไม่ขัดสีแทนข้าวขาว เป็นต้น

พร้อมเรียนรู้เทคนิคการตกแต่งจานด้วยดอกไม้สด

นอกจากนี้ ยังมีเซอร์ไพรส์ เปิดตัวหลุยส์ สก็อต และคุณแม่ ศิวพร พรีเซนเตอร์ของกลูเซอนา ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยเบาหวานในครอบครัว และร่วมกิจกรรม Workshop กับผู้เข้าร่วมแคมเปญอย่างใกล้ชิด

ปิดท้ายความประทับใจหลังจบการ Workshop ด้วยการมอบผลิตภัณฑ์กลูเซอนา และอาหารสุขภาพตามหลักโภชนาการที่เหมาะกับผู้เป็นเบาหวานจัดส่งให้ถึงบ้านผู้เข้าร่วมแคมเปญทั้ง 100 คนอีกด้วย พร้อมรับคำปรึกษาการดูแลระดับน้ำตาลในเลือดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตลอด 30 วันอีกด้วย

ติดตามภาพบรรยากาศและเรื่องราวดีๆ พร้อมช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมแคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานให้เบาใจ” ประสบความสำเร็จในการดูแลระดับน้ำตาลในเลือด ได้ที่เพจ Facebook Abbott Nutrition Care ตลอดระยะเวลาของแคมเปญในช่วงวันเบาหวานโลกนี้

*อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

**กิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19

#กลูเซอนาxโมดิช

#ท้าพิสูจน์30วันคุณทำได้

#กลูเซอนาผู้ช่วยเบาหวานที่คุณไว้ใจ

#วันเบาหวานโลก

TH.2022.31779.GLU.1 (v1.0)