วันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้สั่งการให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี น.ส.ธิติมา นรพันธพิพัฒน์ หรือลันลาเบล เสียชีวิต เนื่องจากความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และกองบัญชาการตำรวจนครบาลเกี่ยวเนื่องกัน โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษก ตร. เป็นผู้รับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เนื่องจากคดีความผิดเกี่ยวเนื่องกันในท้องที่ สน.บุคคโล และสภ.บางบัวทอง จึงมาร้องขอให้ ผบ.ตร.ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้และให้ รอง ผบตร.มาควบคุมดูแลเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาใช้ช่องโหว่ของอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสู้จนหลุดคดีได้ เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าลันลาเบลตายที่ไหน เพราะทางนิติเวชยังไม่ได้ระบุไว้ ดังนั้นไม่อยากให้มีปัญหาภายหลังเรื่องเขตอำนาจสอบสวน
“การตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนร่วมกันจะมีประโยชน์ต่อผู้เสียหาย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานสะดวกรวดเร็ว และทำให้คดีคลี่คลายได้โดยเร็ว ยืนยันว่าที่เข้ามาทำไปทั้งหมดในฐานะพลเมืองดีเท่านั้น ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ต่อสังคม”
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า พยานหลักฐานที่นายอัจฉริยะนำมามอบในวันนี้ จะนำไปสู่กระบวนการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาว่าจะตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนหรือไม่ ส่วนประเด็นเรื่องเขตอำนาจการสอบสวนคงยังตอบไม่ได้ก็ยังเป็นหน้าที่ของตำรวจสองพื้นที่อยู่ ด้านกรอบระยะเวลาการสอบสวนยังอยู่ในระยะที่กำหนดไว้ เรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองพื้นที่นั้นก็มีความชัดเจนมากขึ้นของบุคคลที่กระทำความผิด สังคมกำลังจับตาดูว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ลันลาเบลถึงแก่ความตายและใครเป็นคนทำให้ตาย ตรงนี้ก็ต้องรอผลการสอบสวนแพทย์ผู้ชันสูตรเพิ่มเติม และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และคงจะมีความชัดเจนในไม่ช้านี้
ต่อมานายอัจฉริยะ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ที่ สน.บุคคโล หลังเข้าพบ พ.ต.อ.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ รอง ผบก.น.8 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการตายของ น.ส.ธิติมา ว่านำหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนและตัดสินใจเข้ามาให้การเป็นพยานบอกเล่า พร้อมเตรียมขึ้นศาลเนื่องจากตนมั่นใจในหลักฐานที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่า เอาแต่หอบหลักฐานมาให้ตำรวจแต่ไม่ยอมขึ้นศาล

นายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือ น้ำอุ่น
“จากหลักฐานที่ตนมีตอนนี้ทั้งคลิปและเเชตลับในกลุ่มไลน์ต่างๆ เชื่อว่าน้ำอุ่นเป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่ง แต่ยังมีผู้อยู่เบื้องหลังหลงเหลืออยู่และน่าจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 4 คน ในคดีการตายลัลลาเบลที่จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม น้ำอุ่นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าเมาตั้งแต่วันแรกที่เป็นข่าว ตนยังตั้งข้อสงสัยว่าเมาได้อย่างไรเพราะผลตรวจร่างกายไม่พบแอลกอฮอล์ และในเมื่อน้ำอุ่นขับรถพาลัลลาเบล จากบางบัวทอง มาถึงคอนโดที่ตลาดพลูได้ หนำซ้ำขณะขับรถยังถ่ายภาพและแชทคุยกับผู้อื่นได้ตลอดเวลา ตนอยากถามว่า คนเมาจริงจะทำได้อย่างไร ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือมีใครถูกดำเนินคดีอีกบ้างหรือไม่ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” นายอัจฉริยะ กล่าว