Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

มูญิดดิน ยาสซิน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย หลังเหตุวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์อันเนื่องมาจากการประกาศลาออกฉุกเฉินของมหาเธร์ โมฮัมหมัด

หลังเข้าพิธีแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ก.พ. 2563 กลับมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ความชอบธรรมของการเปลี่ยนรัฐบาลครั้งนี้ เกิดม็อบย่อม ๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ส่วนโลกออนไลน์ก็ผุด #NotMyPM ส่วนสื่อต่างประเทศหลายสำนัก วิพากษ์วิจารณ์เดือดว่าสิ่งที่มหาเธร์ โมฮัมหมัดทำ อาจเป็นการ “รัฐประหารตนเอง” และนำมาเลเซียเข้าสู่การเมืองแบบเก่า

Workpoint Today สัมภาษณ์ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ มีสันฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านมาเลเซียศึกษา เพื่อทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์นี้มากขึ้น

มูญิดดิน ยาสซิน กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย เราควรประหลาดใจหรือไม่?

มูญิดดิน ยาสซิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซีย หลังมหาเธร์ โมฮัมหมัดลงจากตำแหน่ง เขาเคยอยู่ในคณะรัฐบาลของนาจิบ ราซัค ก่อนออกมาอยู่พรรคเบอร์ซาตูของมหาเธร์ ตำแหน่งล่าสุดคือรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ไม่ได้ถือว่าผิดคาด ถือว่าเป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ของว่าที่นายกรัฐมนตรีซึ่งแต่เดิมสองคนคือ ดร.มหาเธร์ กับอันวาร์ อิบราฮิม ส่วนมูญิดดินก็เป็นทางเลือกที่ 3 อีกทางเลือกนึงที่ต้องบอกว่าถ้าเทียบในผู้นำทางการเมืองของมาเลเซียในปัจจุบันก็เรียกว่ามีเท่านี้แหละที่เรียกว่าเป็นตัวเลือกสำหรับการเมืองมาเลเซีย นอกจากตรงนี้แล้วก็ค่อนข้างจะยาก เพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น บารมีทางการเมืองยังไม่ถึง ทำให้ทางเลือกของมาเลเซียค่อนข้างจะมีน้อย

หลังมหาเธร์ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวันที่ 24 ก.พ. 2563 แฟนข่าวหลายคนเข้าใจว่าเขาต้องการวางมือทางการเมือง จริง ๆ แล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่?

ต้องบอกว่าวิธีคิดแบบนั้นไม่ถูกนัก เพราะว่าในมุมของผมเองปัจจุบันมหาเธร์อยากให้การเมืองเป็นการเมืองในสไตล์อย่างที่เขาต้องการ เขาก็พยายามทำหลาย ๆ อย่าง ดังนั้นเรื่องวางอำนาจก็เลิกพูดไปได้เลย เพราะว่าหากมหาเธร์คิดจะวางอำนาจจริง ๆ การขึ้นมาเป็นนายกฯตอนอายุ 92 ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว และก็คงไม่จะเลือกที่จะขึ้นมา แต่พอเขาเลือกที่จะขึ้นมาก็แปลว่าเขามีสิ่งที่อยากจะทำอยู่ในวงการการเมืองของมาเลเซียอีก ซึ่งตอนนั้นก็คือการทำให้นาจิบ ราซัคลงจากอำนาจ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไป

แต่การจะสืบทอดอำนาจต่อในคราวนี้ก็ไม่สำเร็จนักเพราะมีคลื่นใต้น้ำและความไม่แน่นอนของการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนของจำนวนส.ส.ที่เขามี หลังจากที่เขาเลือกที่จะใช้วิธีการไม่ยุบสภา แต่ว่าโยนการเลือกนายกขึ้นมาอีกครั้งให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้เสียงข้างมาก (Majority) ก็คือคนไหนได้รับการสนับสนุนมากกว่า 112 เสียงก็จะได้เป็นนายก ซึ่งตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตัวมหาเธร์เองก็ยังไม่ได้พอทางการเมืองและยังคงคิดที่จะทำการเมืองต่อไปอีก

ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัดทรงอิทธิพลในการเมืองมาเลเซียขนาดไหน รบกวนอาจารย์ช่วยเล่าสั้น ๆ ให้แฟนข่าวได้ทราบ

ขออนุญาตตัดมาตอนช่วงหลังเลย มหาเธร์เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของมาเลเซียที่บริหารประเทศมาหลายปีแล้วก็ลงจากอำนาจไป ส่งต่อไม้ให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ก็คือ อับดุลละฮ์ อะฮ์มัด บาดาวี แล้วก็ต่อด้วยนาจิบ ราซัค

อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จากพรรค UMNO ที่ถูกแนวร่วมปากาตันฮาระปันคว่ำในการเลือกตั้งปี 2018 จากกรณีอื้อฉาว 1MDB

ซึ่งอับดุลละฮ์ อะฮ์มัด บาดาวีได้ถูกมหาธีร์ดึงลงจากอำนาจ แล้วก็ผลักดันนาจิบขึ้นไป แต่แล้วก็ปัญหาระหว่างสองคนนี้ก็คือ มหาเธร์ ไม่สามารถคอนโทรลนาจิบ ราซัคได้ เพราะว่านาจิบราซัคค่อนข้างที่จะมีแนวทางบริหารของตัวเอง พอผลักดันแล้วคอนโทรลไม่ได้ มหาเธร์เองก็เลยถูกกระบวนการจากพรรคทำให้ออกจากพรรคไป แล้วก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆ แล้วไปตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งขึ้นเพื่อที่จะลงทำการแข่งขันในการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย

หลังจากนั้นก็ไปรวมตัวกับพรรคฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายค้าน (พรรคPRK ของอันวาร์ อิบราฮิม) คือพรรคที่เคยเป็นศัตรูทางการเมืองของตัวเอง อาจจะกล่าวได้ว่าคนกลุ่มนี้คือคนที่มีศัตรูทางการเมืองของตัวเอง และเป้าหมายหลัก ๆ ก็คือทำให้นายนาจิบ ราซัคลงจากอำนาจ ซึ่งกลุ่มที่มหาเธร์ไปจัดตั้งนี่ใช้ชื่อปากาตันฮาระปัน (Pakatan Harapan) ก็คือแนวร่วมแห่งความหวัง

พญ.วันอาซีซะห์ วันอิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ อิบราฮิม และมหาเธร์ โมฮัมหมัด สาบานตนระหว่างจัดตั้งแนวร่วมปากาตันฮาระปัน

หลังจากชนะแล้วมีเงื่อนไขของการเข้าไปเป็นสมาชิกก็คือ มหาเธร์จะบริหารประเทศ 2 ปี หลังจากนั้นนี่จะส่งไม้ในการบริหารประเทศให้กับอันวาร์ อิบราฮิมในช่วงเวลา 2 ปีที่เหลือ

แต่ที่เป็นปัญหาขณะนี้ก็คือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมหาเธร์ ตลอดเวลาตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาได้รับการเรียกร้องให้วางมือแล้วก็ส่งไม้ต่อให้อันวาร์ แต่มหาเธร์ไม่เลือกจะที่ส่งแบบวิ่งผลัด วิ่งต่อได้เลย มหาเธร์เลือกที่จะประกาศเอากลุ่มพรรคของตัวเองออกจากสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย หลังจากนั้นมหาเธร์ก็ลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้ไม่มีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีถือเป็นที่สิ้นสุด เมื่อไม่มีคณะรัฐมนตรี ไม่มีนายกรัฐมนตรีก็ประกาศยุบสภาไม่ได้ เมื่อยุบสภาไม่ได้ก็ต้องมาเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ หลังจากนั้นมหาเธร์ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ แล้วสมเด็จพระราชาธิบดีก็เข้ามาจัดการตรงนี้ด้วยการเรียกส.ส.แต่ละคนเข้าไปพบเพื่อสอบถามว่าอยากจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายหวยก็สลับข้างกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝั่งอันวาร์ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งมหาเธร์ แล้วก็มีข้อเสนอให้มูญิดดินขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วสุดท้ายสมเด็จพระราชาธิบดีก็ประกาศให้มูญิดดินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย

อันวาร์ อิบราฮิม (คนที่ 4 แถวล่างจากขวา) เองก็เคยอยู่ในพรรค UMNO และเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นรองนายกรัฐมนตรีให้มหาเธร์ โมฮัมหมัด(คนที่ 3 แถวล่างจากขวา) ก่อนแตกคอกันระหว่างวิกฤตเศรษฐกิจปี 1998 หลังจากนั้นอันวาร์ถูกจับกุมในข้อหามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก 2 ครั้ง ซึ่งเขายืนยันว่าถูกจับเพราะเหตุผลทางการเมือง

แต่ว่าความเป็นจริงก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่ามหาเธร์รวบรวมเสียงข้างมากได้ 114 เสียง ซึ่งก็มีประกาศออกมา รวมถึงมีนักวิเคราะห์หลายท่าน รวมถึงผมเองด้วย ผมก็มองว่าจริง ๆ อาจจะเป็นแผนของมหาเธร์หรือเปล่า เพราะว่ามันเป็นการสับขาหลอกกันไปกันเมื่อเพื่อที่จะนับคะแนนว่าใครมีเสียงสนับสนุนมากกว่า

หลัก ๆ ที่เราวิเคราะห์กันถูกต้องเลยก็คือ (มหาเธร์)มีความประสงค์ที่ชัดเจนที่จะไม่ให้อันวาห์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แล้วก็ความประสงค์นี้ก็สำเร็จ เพียงแต่ว่ามหาเธร์เองไม่สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ใหม่ แล้วก็ลูกไล่ของมหาเธร์ ซึ่งก็คือ มูญิดดิน เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน นี่คือความซับซ้อนแล้ว และต้องบอกว่าเป็นย่อ ๆ ในเรื่องของสถานการณ์การเมืองในช่วงที่ผ่านมา

ฟังดูแล้ว ทำไมมหาเธร์ถึงต้องการจะสกัดดาวรุ่งอันวาห์

ในมุมของผู้บริหาร-นักการเมืองเองก็ค่อนข้างที่จะไม่ไว้วางในอันวาร์อยู่พอสมควร ตัวของอันวาห์เองที่เป็นคนตรง แล้วที่สำคัญคืออันวาร์ค่อนข้างที่จะเป็นอนุรักษ์นิยมมาก ๆ เพราะฉะนั้นทำให้มุมมองกับนักการเมืองก็มองว่าการที่อันวาร์ขึ้น แล้วก็จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจจะส่งผลต่อการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะรัฐมนตรี

แล้วก็มีเสียงคุยเสียงเล่ากันว่าอันวาห์ไม่ได้เป็นนักการเมือง หมายถีงว่าไม่มีน้ำใจทางการเมือง ก็เลยค่อนข้างกลัวในตรงนี้

แล้วในมุมของมหาเธร์ ต้องไม่ลืมว่ามหาเธร์เคยจับอันวาห์เข้าคุก 2 ครั้ง การกลั่นแกล้งทางการเมืองต่าง ๆ อีก ถ้าอันวาห์ได้ขึ้นมาก็ไม่มีเครื่องการันตีใด ๆ ว่าอันวาร์จะไม่เอาคืน เพราะฉะนั้นมหาเธร์เองก็ต้องระมัดระวัง เพราะว่าอาจจะถูกเอาคืนในยามแก่ได้ อันนั้นข้อแรก ข้อที่สองก็คือบรรดาครอบครัวของมหาเธร์ต่างก็มีธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซียค่อนข้างจะเยอะมาก ถ้าอันวาห์ได้ขึ้นมา มหาเธร์ก็คงจะเล็งเห็นว่าถ้าอันวาห์ไปสกัดหรือว่าไปทำอะไรบางอย่างเพื่อที่จะเอาคืนก็จะส่งผลต่อบรรดาธุรกิจของลูก ๆ และส่งผลต่อตัวเองในยามแก่ด้วย เพราะฉะนั้นจึงได้วิเคราะห์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันก็คงจะเป็นอะไรที่ยากมาก ๆ ในการส่งไม้นายกรัฐมนตรีต่อให้อันวาห์ คนที่อยู่ในพรรคเดียวกับอิบราฮิมมาตั้งแต่แรกที่อยู่ในข่าว ที่ออกมา

กลุุ่มผู้สนับสนุนอันวาร์ อิบราฮิมเรียกร้อให้ปล่อยตัวอันวาร์ซึ่งถูกจำคุกข้อหามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก พวกเขาเชื่อว่าอันวาร์ถูกจับเพราะเหตุผลทางการเมือง

จำได้ว่าเลือกตั้ง 2018 คนมาเลเซียมองว่าจะเปลี่ยนผ่านจากยุคนาจิบ ราซัคเข้าสู่การเมืองใหม่ อย่างนี้แล้วคนรุ่นใหม่ที่ออกมาสนับสนุนมหาเธร์ในตอนนั้นรู้สึกยังไง

ก็ค่อนข้างจะผิดหวังนะครับ ที่สอบถามดูแล้วก็ดูตามเพจต่าง ๆ วัยรุ่นรุ่นใหม่ค่อนข้างผิดหวัง

กลับกลายเป็นว่าในขณะนี้มาเลเซียเองค่อนข้างจะพบว่ามีปัญหาแตกแยกทางการสนับสนุนผู้นำเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เพราะว่าในความคาดหวังอย่างแรกก็คือมหาเธร์เอง สัญญาว่าจะจัการกับการคอร์รัปชันแล้วก็ปัญหาเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งพ้นไปสองปีแล้ว ตอนนี้นาจิบเองก็ยังไม่ได้เข้าคุก ยังขึ้นศาลอยู่ แล้วเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าก่อนหน้านั้น ในมุมของผู้ให้การสนับสนุนมหาเธร์เอง ตรงนี้ก็ค่อนข้างจะผิดหวัง และ 2 ก็คือสัญญาที่มหาเธร์บอกไว้ว่าจะให้อันวาร์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งพูดสั้นๆ คือฝ่ายสนับสนุนอันวาร์เองก็ไม่แฮปปี้ที่มหาเธร์ใช้แนวทางนี้ในการไม่ส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันนี้ก็เป็นหลาย ๆ ประการสนับสนุนออกมาเลยว่ามีคนไม่พอใจกับการทำครั้งนี้ของมหาเธร์จำนวนมากแล้วก็กลายเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งใหม่ ๆ ในมาเลเซียขึ้นมาอีก

พรรค UMNO (พรรคเก่าของมหาเธร์และพรรคของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคซึ่งครองเสียงข้างมากของมาเลเซียมากว่า 60 ปี) จะกลับมามีบทบาททางการเมืองไหม?

คงทำให้กลับมามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เพราะว่าตอนนี้หลัก ๆ ก็จะมีพรรคบาซาตู ของอดีตนายกมหาเธร์เองที่มูญิดดิญยึดเสียงอยู่จำนวนนึง แล้วก็มีพรรค PAK อิสลามแล้วก็บวกกับUMNO แล้วก็มีกลุ่มสนับสนุนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ UMNO กลับมามีบทบาททางการเมืองมากขึ้นแน่นอน

อาจารย์คิดว่าจำเป็นไหมที่มาเลเซียต้องพ้นจากร่มเงาของมหาเธร์ให้ได้?

มหาเธร์ทำให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองมาเลเซียตลอดระยะเวลาตั้งแต่ขึ้น ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนมาถึงปัจุบัน ความเป็นมหาเธร์กับการเมืองมาเลเซียในช่วงศตวรรษที่ผ่านมามันแยกกันไม่ได้ แต่หลังจากนี้ไปผมเชื่อว่าความเป็นมหาเธร์เอง อำนาจต่อรองต่าง ๆ รวมถึงหรือว่าอิทธิพลของมหาเธร์เองจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ จากการเลือนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ แล้วหลังจากนี้บทบาทของเขาในการเมืองมาเลเซียจะต้องค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไป

ต้องถือว่าการลงจากตำแหน่งครั้งนี้เป็นการลงจากตำแหน่งที่ไม่สวยเท่าไหร่นัก เพราะว่าภาพที่มหาเธร์ฉายออกมามันคือคนแก่ที่ยังคงหวงและยังยึดติดในอำนาจทางการเมืองอยู่ ไม่ใช่การลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม

ขอทวนอีกครั้ง มหาเธร์เข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองมาเลเซียนานแค่ไหนแล้วคะ?

ยาวนานก็ตั้งแต่ปี 1970 กว่า ๆ นู่นเลย ก็ประมาณสัก 40 ปีน่ะครับ การเมืองมาเลเซียเกี่ยวข้องกับมหาเธร์มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 1983-1984 ที่มหาเธร์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงปี 2000 ต้น ๆ แล้วก็เป็นเบื้องหลังอยู่อีกสักระยะใหญ่ จนออกมาเขย่าเก้าอี้ตำแหน่งแล้วยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เขาเป็นนายกแล้ว จนคราวนี้มาเป็นนายกคนที่ 7 จนถึงตอนนี้ก็ยังมีบทบาทของมหาเธร์อยู่ เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามหาเธร์เป็นหนึ่งในเป็นบิดาของการเมืองมาเลเซีย

ถ้ามองแบบนี้แล้ว การที่การเมืองมาเลเซียเริ่มมีความเสื่อมศรัทธาในตัวมหาเธร์ที่ไม่ทำตามกติการทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาและเริ่มมองหาผู้นำใหม่ หมายความว่ามาเลเซียมีลัทธิบูชาตัวบุคคลน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเปล่า

ไม่ได้น้อยกว่า แต่ว่าน่าจะถึงจุดที่เรียกว่าจุดแห่งการเปลี่ยนแปลงในวงการการเมืองมาเลเซียแล้ว จากนี้ไป สิ่งที่ถูกกำหนดไว้อย่างเช่นเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างการที่ UMNO ตั้งเงื่อนไขไว้เพื่อให้เลือกตัวเอง(ในการเลือกตั้งปี 2018) สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างนั้น ในขณะที่มหาเธร์เองที่เล่นเกมทางการเมืองให้ตัวเองได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะเดาทิศทางผู้ให้การสนับสนุนได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาฐานเสียงที่ตัวเองมี แล้วเรียกเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น เพราะการเมืองมาเลเซียหลังจากนี้จะไม่มีความแน่นอนใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ มูญิดดีนขึ้นมาเป็นนายกและลงจากตำแหน่งที่ตั้งใหม่ เรายังคาดเดาอะไรตรงนี้ไม่ได้เลยเพราะตอนนี้ฝักฝ่ายทางการเมืองมาเลเซียมันเปลี่ยนไปหมด ไม่มีภาพเดิมหลงเหลืออยู่แล้ว

การเมืองโลกในช่วงปีที่ผ่านมานี้เชื้อเพลิงในการประท้วงเกิดขึ้นได้ทั่วไป การขึ้นมาของรัฐบาลนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เราจะเห็นการประท้วงใหญ่ในมาเลเซียหรือเปล่า?

มาเลเซียยังมีทางออก และเรื่องมูญิดดิญก็เป็นหนึ่งในตัวที่แสดงว่า มีตัวที่พร้อมจะสอดเข้ามาแล้วก็จะมีทางออกมา แต่ต้องทราบก่อนว่าเอาเข้าจริง ณ ขณะนี้ก็ไม่ใช่ทางออกที่เสถียรและมั่นคงเลย เพราะเราไม่มีทางรู้ว่ารัฐบาลมูญิดดิน ยาสซิน จะมีความมั่นคงทางการเมืองสักขนาดนั้น และคนจะไม่สนับสนุนเมื่อไหร่ แล้วก็พร้อมจะเปลี่ยนรัฐบาลได้ทุกเมื่อ จากนี้ไปเราก็ต้องคอยดูว่าอีกไม่นานมาเลซียก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมมองว่ามูญิดดิน ยาสซินก็ไม่น่าที่จะอยู่ในอำนาจนานนัก

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า