วันที่ 6 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตในห้องอาบน้ำ ภายในปั๊มน้ำมันร้าง ติดถนนทางหลวงหมายเลข 11 อุตรดิตถ์-พิษณุโลก ช่วงขาออกเมืองอุตรดิตถ์ ฝั่งตรงข้ามกับป้อมตำรวจดงช้างดี หมู่ 8 บ้างดงช้างดี ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ โดยมอบหมายอาสาสมัครกู้ภัยวัดหมอนไม้ เข้ากั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ พร้อมประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลอุตรดิตถ์และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและร่วมชันสูตรพลิกศพ
ที่เกิดเหตุเป็นปั๊มน้ำมันถูกทิ้งร้างมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และกองขยะที่ประชาชนนำมาทิ้ง ด้านทิศเหนือของปั๊ม เป็นห้องน้ำห้องอาบน้ำ จำนวน 10 ห้อง เจ้าหน้าที่ตรวจภายในห้องอาบน้ำ ห้องที่ 6 พบศพถูกไฟไหม้ทั้งตัวจนเกรียมดำเป็นตอตะโก บางส่วนกระดูกโผล่ จนไม่สามารถระบุรูปพรรณสัณฐานได้ และความร้อนของไฟยังทำให้แผ่นกระเบื้องที่ปูพื้นห้องอาบน้ำหลุดแตกหักกระจัดกระจาย บริเวณเพดานดำไปด้วยควันไฟ
พ.ต.อ.ฉัฐวัชร พงศ์วาสน์ ผกก.สภ.วังกะพี้ กล่าวว่า การชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ทราบเพียงว่าเป็นเพศชาย ส่วนเสียชีวิตมาแล้วกี่วันและสาเหตุการเสียชีวิต ต้องนำศพส่งตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ต่อไป
ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุ หน้าห้องอาบน้ำจุดพบผู้เสียชีวิต พบแกลอนน้ำมัน รองเท้าแตะแบบสวมสีเทา 1 คู่ และกองขยะใกล้กัน พบโทรศัพท์มือถือลักษณะคล้ายถูกขว้างอย่างแรงหรือทุบด้วยของแข็ง จนแตกแยกชิ้นส่วนตกอยู่ 1 เครื่อง จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ด้านนายอาคม เข็มเพชร ผู้ปฎิบัติธรรมนุ่งขาว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า นายเกียรติศักดิ์ เพียรขุนทด อายุ 30 ปี เป็นนักปฏิบัติธรรมชอบนั่งวิปัสสนา นั่งสมาธิและได้เห็นเท้าสีดำ 2 ข้างมาขอให้ช่วยเหลือ โดยบอกถูกฆ่าที่ปั๊มน้ำมันร้างติดถนนสายทางหลวง จึงนำเรื่องเล่าให้ แม่ขาว คือนางน้ำเย็น แก้วพันธุ์ อายุ 79 ปี ซึ่งปฏิบัติธรรมเช่นเดียว จนกระทั่งขณะทั้ง 2 ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ มองเห็นปั๊มร้างลักษณะเหมือนในนิมิต จึงตัดสินใจแวะเข้ามา เดินสำรวจจนกระทั่งพบศพและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบดังกล่าว จากนั้นทั้งคู่เดินทางต่อไปยัง จ.พิษณุโลก