เครื่องบินรบกองทัพเมียนมา รุกล้ำน่านฟ้าไทย ที่ จ.ตาก ชาวบ้านหลบภัย-สั่งหยุดเรียนฉุกเฉิน

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ถูกจับตาอีกครั้ง หลังกองทัพเมียนมาส่งเครื่องบินรบ บินรุกล้ำน่านฟ้าไทยที่จังหวัดตาก เพื่อหวังยิงจรวดโจมตีฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร

ผู้สื่อข่าว จ.ตาก รายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา (30 มิ.ย.) เกิดการต่อสู้ระหว่างกองทัพเมียนมา กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

รายงานระบุว่า ฝ่ายกองทัพเมียนมาได้ส่งเครื่องบินรบ MiG-29 จำนวน 1 ลำ โดยบินล้ำเข้ามาในเขตไทยบริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ประมาณ 4-5 กิโลเมตร จนมองเห็นในระยะใกล้ เพื่ออ้อมไปยิงจรวดใส่ที่มั่นฝ่ายต่อต้านฝั่งเมียนมา ประมาณ 4 รอบ

ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ขณะที่เครื่องบินรบของกองทัพเมียนมาบินรุกล้ำเข้าเขตไทย มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่ฝั่งเมียนมา ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นและต้องวิ่งเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยที่เตรียมเอาไว้ โดยบางคนชี้ว่า เครื่องบินเมียนมาบินต่ำมาก ในลักษณะใกล้หลังคาบ้านจนน่ากลัว

เช่นเดียวกับโรงเรียนบ้านวาเล่ย์ใต้ ได้ประกาศฉุกเฉินให้ผู้ปกครองไปรับบุตรหลานกลับบ้าน และหยุดเรียนทันที เนื่องจากบินรบทหารเมียนมาล้ำแดนเข้ามาผ่านหลังคาอาคารเรียนของโรงเรียน ส่วนโรงเรียนบ้านวาเล่ย์เหนือ ได้กดออดให้สัญญาณนักเรียนหนีเข้าไปยังอาคารหลุมหลบภัยของโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารเมียนมาส่งเครื่องบินรบล้ำเข้ามาในเขตไทยประมาณ 15 นาที ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยได้แต่ยืนมอง ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่มีการบินของฝั่งไทยเพื่อป้องกันน่านฟ้าไทย

ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า เกิดการสู้รบที่ฝั่งเมียนมาต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว แต่ไม่เคยมีเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมารุกล้ำเข้ามาในฝั่งไทย จนกระทั่งในวันนี้ มีเครื่องบินตรวจการณ์ของทหารเมียนมาบินวนหลายรอบ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อว่ามีภารกิจส่งเสบียงให้ทหารเมียนมา ก่อนที่เครื่องบินรบ MiG-29 ของกองทัพเมียนมาจะขึ้นบินเพื่อเปิดปฏิบัติการโจมตีฝ่ายตรงข้ามจนรุกล้ำน่านฟ้าไทย

โดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารประกอบด้วยทหารกองพลน้อยที่ 6 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ซึ่งเป็นกลุ่มจับอาวุธ ภายใต้รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลคู่ขนานที่ตั้งขึ้นเพื่อต่อกรกับรัฐบาลทหาร ซึ่งแต่งตั้งขึ้นมาโดยพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ปีที่แล้ว