SHARE

คัดลอกแล้ว

ใครจะคิดว่าวันหนึ่ง ชีวิตของผู้จัดการแผนกในห้าง จะกลายมาเป็นพ่อค้ารถเข็นขายน้ำแข็งไส หาเช้ากินค่ำไปวันๆ

นี่คือเรื่องราวของ ลุงดำ – นิวัตต์ เสถียรชัยสกุล ผู้ที่ต้องยอมทิ้งงานเดิม และเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เพราะความเป็น “พ่อ” ที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกชายพิการทางสมองตั้งแต่กำเนิดเพียงลำพัง มานานกว่า 20 ปี ซึ่งบอกเล่าผ่านรายการปัญญาปันสุข EP.06 เมื่อวันศุกร์ ที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา

ลุงดำบอกกับเราว่า แม้เรื่องราวของตนเองจะหกล้มคลุกคลาน และผ่านช่วงที่ท้อใจมาบ้าง แต่ก็อยากเป็นหนึ่งในพลังใจให้หลายคนไม่ยอมแพ้กับชีวิต

อดีตที่เคยสมบูรณ์แบบ

ก่อนที่จะมาเป็นพ่อค้ารถเข็นขายน้ำแข็งไส ที่ต้องกระเตงลูกไปด้วยทุกที่ ลุงดำเล่าว่าตัวเองเคยก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนถึงขั้นเป็นผู้จัดการแผนกของห้างมาก่อน

“เรียนจบบริหารธุรกิจ ในวิทยาลัย จบมาก็เป็นพนักงานห้าง และได้เป็นผู้จัดการแผนกของห้าง ครอบครัวก็สมบูรณ์ มีภรรยาที่ช่วยกันหารายได้เข้าบ้าน และลูกอีก 2 คน” ลุงดำเล่า

จุดเปลี่ยนชีวิตเมื่อลูกไม่เหมือนใคร

แต่แล้วจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตก็มาถึง เมื่อลูกคนที่ 3 หรือ “น้องเกฟร์” เกิดมา เพราะหลังคลอดได้เพียงวันเดียว ก็ต้องเข้า ICU เนื่องจากอาการชักเกร็ง

ผ่านไป 7-8 เดือน พบว่าน้องเกฟร์ไม่มีพัฒนาการตามวัยเหมือนเด็กทั่วไป ทั้งคอไม่ตั้ง พลิกคว่ำไม่ได้ ชัก และสื่อสารไม่ได้ ซึ่งหมอบอกว่าลูกถูกเจาะไขสันหลังมาตั้งแต่ตอนคลอด มีความพิการทางสมอง จะอยู่ได้ไม่นาน ให้ลุงดำทำใจ ประกอบกับที่น้องเกฟร์อยู่กับภรรยาแล้วจะร้องไห้ตลอด แต่อยู่กับลุงดำแล้วไม่ร้อง ลุงจึงตัดสินใจร่วมกับภรรยาว่าจะลาออกจากงาน เพื่ออยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง

“มีครั้งหนึ่ง เกฟร์มีอาการชัก และหยุดหายใจ ต้องพาส่งโรงพยาบาล และใส่เครื่องช่วยหายใจ ด้วยความสงสารลูก ลุงเลยบอกกับหมอว่าให้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก ถ้าลูกเหนื่อยก็ให้ไปสบายเลย แต่ถ้ายังอยากอยู่กับพ่อก็ให้หายใจเอง สรุปเกฟร์ก็กลับมาหายใจได้เอง ลุงเลยคิดกับตัวเองจะต้องเลี้ยงลูกคนนี้ให้ดีที่สุด ทำให้ดีขึ้นในทุกวัน”

อย่างไรก็ตาม ปัญหาชีวิตไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะภายหลังน้องเกฟร์เกิดได้ไม่นานนัก ภรรยาของลุงดำก็ท้องลูกคนที่ 4 ด้วยความไม่ตั้งใจ ทั้งคู่จึงเริ่มมีปัญหาทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ สุดท้ายเมื่อคลอดลูกคนที่ 4 ภรรยาก็พาลูกคนเล็กหนีกลับบ้าน ทิ้งลูกอีก 3 คนไว้กับลุงดำ ทำให้ลุงดำต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ช่วงแรกที่รู้ว่าลูกพิการ มีคนทักว่าให้พาไปส่งให้ประชาสงเคราะห์ดูแล จะได้ไม่เป็นภาระ แต่ลุงจะเลี้ยงลูกเอง มันก็ท้อ จนเคยคิดอยากพาลูกกระโดดน้ำตายไปพร้อมกัน แต่พอไปเห็นเด็กที่ลำบากกว่านี้ที่ศูนย์สิรินธร (สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ) เลยเลิกคิด กลับมาสู้ต่อ”

พ่อเลี้ยงเดี่ยวกับอาชีพขายน้ำแข็งไส

เมื่อชีวิตขาดรายได้ ลุงดำจึงต้องออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงดูส่งเสียลูก 2 คนให้เรียนหนังสือ และดูแลลูกพิการอีก 1 คน โดยให้ปู่ (พ่อของตนเอง) พาน้องเกฟร์ไปช่วยเลี้ยงที่โคราช ขณะที่ตนเองต้องทำงานหาเงินอยู่ที่กรุงเทพ ด้วยการเป็นรปภ.

แต่เมื่อปี 2560 ปู่เสียชีวิต ลุงดำเลยต้องรับน้องเกฟร์กลับมาอยู่ด้วย และมองหาอาชีพใหม่ที่จะมีเวลาเลี้ยงลูกได้ตลอด 24 ชม. นั่นคือ “ขายของ” ในช่วงกลางวัน โดยขายหลายอย่าง ตั้งแต่ขายกล้วยทอด น้ำชา โอเลี้ยง เก๊กฮวย ลำไย เต้าหู้ทอด-เผือกทอด

จนมาจบที่อาชีพ “ขายน้ำแข็งไส” เพราะเมืองไทยอากาศร้อน ขายได้ทั้งปี ควบคู่กับเป็น รปภ. ช่วงกลางคืน แต่ทำทั้งสองอาชีพได้ไม่นาน ลุงเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มไม่ไหว รู้สึกว่าอาจจะตายก่อนลูก อีกทั้งเกรงใจเจ้านาย และสงสารลูกที่ต้องพากันไปทำงานกลางค่ำกลางคืนด้วยทุกครั้ง เลยตัดสินใจขายน้ำแข็งไสเพียงอย่างเดียว

“ทุกเช้า ลุงจะตื่นตี 5 ไปตลาด ซื้อของมาจัดใส่รถเข็น กลับมาพาลูกอาบน้ำ กินข้าว เริ่มเดินขายน้ำแข็งไส จากบ้านแถวสุขสวัสดิ์ ไปจนถึงแถวสะพานภูมิพล ตั้งแต่ 9 และแวะจอดหน้าโรงงานวาโก้ช่วงเที่ยง แล้วช่วงบ่ายๆ ก็กลับบ้าน พอถึงบ้านก็จะเข็นวีลแชร์พาน้องเกฟร์ไปตลาด ซื้อกับข้าว ซึ่งก็มีคนช่วยเหลือให้กับข้าวมากินฟรี หรือแถมมาบ่อย แต่ลุงก็รับมาแค่ของลูก ไม่รับในส่วนของตัวเอง ก็อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ขอให้ผลบุญส่งกลับไปหาเขาด้วย”

ร้านน้ำแข็งไสลุงดำ มีจุดเด่นอยู่ที่ราคาถ้วยละ 15 บาท แต่ให้ลูกค้าเลือกตักเครื่องได้เอง ส่วนตัวรถเป็นรถเข็นที่ออกแบบพิเศษ เพื่อให้ใส่วีลแชร์ของลูกชายเข้าไปได้ด้วย ทำให้สองคนพ่อลูก สามารถดูแลกันได้ตลอดเวลา ซึ่งการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดนี้ ได้ทำให้น้องเกฟร์อายุยืนกว่าที่หมอบอก ปัจจุบันอายุ 23 ปี แล้ว ส่วนลูกอีก 2 คน ลุงดำหาเงินให้จนเรียนจบระดับปริญญาตรี และ ปวส. ทั้ง 2 คนแยกย้ายไปมีครอบครัว แต่ลุงรู้ว่าลูกยังเอาตัวเองไม่รอด จึงไม่เคยรบกวนลูก

ร่างกายไม่พร้อมแต่ใจสู้

ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่น้องเกฟร์ลืมตาดูโลก ลุงดำสู้เต็มที่ในเรื่องของการเลี้ยงลูก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ใจจะสู้ แต่ร่างกายก็อาจไม่สู้ตาม เพราะร่วงโรยไปตามวัย ลุงดำในวัย 62 ปี เป็นทั้งต้อกระจกจนตาขวามืดสนิท แต่ผ่าตัดไม่ได้เพราะโรคความดันสูง ทั้งโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทรุมเร้า ทำให้ปวดเอว จนบางวันต้องหยุดขายของ เท่ากับขาดรายได้ แต่สุดท้ายก็ยังสู้อยู่ เพราะมีความสุขที่ได้เห็นลูกยิ้มและหัวเราะ

ท้ายนี้ ลุงดำได้แบ่งปันมุมมองที่ทำให้ตัวเองยังสู้ในฐานะพ่อมาได้ตลอด 23 ปี คือ “มองลูกว่าเป็นเด็กยังไม่โต ไม่ใช่เด็กพิการ และเขาเลือกเกิดไม่ได้ พ่อมีหน้าที่ต้องทำให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน”

อุดหนุนน้ำแข็งไส หรือติดต่อจ้างลุงดำออกงาน โทร 099-396-4553 (ลุงดำ)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า