Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ก้าวไกล’ ถือฤกษ์ก่อน ‘6 ตุลาฯ’ ยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทางการเมือง ตั้งแต่ชุมนุม ‘กลุ่มพันธมิตรฯ’ ปี 49 รวมคดี 112 หากคณะกรรมการวินิจฉัยเห็นชอบ แต่ไม่ครอบคลุมความผิดต่อชีวิต วอนทุกพรรคการเมืองหนุน ชี้เป็นจุดเริ่มต้นความปรองดอง เทียบคดี ‘6 ตุลาฯ’ หนักกว่าถึงขั้นฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐยังนิรโทษกรรมให้

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ สส.พรรคก้าวไกล ยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรม แก่ผู้กระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองฯ กับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

โดยสรุป นายชัยธวัช กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 และลุกลามบานปลายจนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และรัฐประหารซ้ำอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

ตลอดระยะเวลาของการชุมนุมนับตั้งแต่ครั้งแรกสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีประชาชนจำนวนมากเข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุม หรือการแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ มีประชาชนนับพันคนถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็กๆ น้อยๆ จนถึงข้อกล่าวหาร้ายแรง รวมถึงคดีความมั่นคง และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยุติในการดำเนินคดี

สถานการณ์ดังกล่าว พรรคก้าวไกล เห็นว่า ทำให้ยากที่จะนำคนไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสามัคคีกันในสังคม เพราะพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้ถูกดำเนินคดี หรือมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างก็มีความเห็นว่า รัฐไม่มีความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพของพลเมือง จึงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องยุตินิติสงครามและการนิรโทษกรรมจะเป็นหนทาง “ถอดฟืนออกจากกองไฟ” เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมฯ นายชัยธวัช กล่าวว่า ได้กำหนดให้การกระทำใดๆ ของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทำทางกายภาพ หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความผิดตามกฎหมาย ในช่วงเวลาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 คือนับวันแรกของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร จนถึงวันที่พระราชบัญนี้ได้มีผลบังคับใช้

“หากการกระทำดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ต้องมิให้ขัดกับพันธะกรณีทางกฎหมายระหว่างประเทศ”

ขณะที่ การนิรโทษกรรมนี้จะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษกรรมการทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113

ส่วนจะรวมคดีมาตรา 112 หรือไม่ อยู่ในวินิจฉัยของคณะกรรมการ โดยกลไกในการนิรโทษกรรมจะกำหนดให้มี คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ ในร่างเสนอให้มีจำนวน 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง โดยมีองค์ประกอบจาก ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี มาจากบุคคลที่สภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน มาจากผู้พิพากษาอดีตผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม ของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ตุลาการหรืออดีตศาลปกครอง 1 คน มาจาก คณะกรรมการอัยการ 1 คนและสุดท้าย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลย้ำว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในครั้งนี้ เรามุ่งหวังให้เป็นกฎหมายสำคัญสำหรับการคืนชีวิตใหม่ให้กับประชาชนที่โดนนิติสงคราม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองแสดงออกทางการเมืองใดๆ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งประชาชนจำนวนมากไปชุมนุมโดยสันติ และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมนี้เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หากพรรคการเมืองร่วมกันผลักดัน

ซึ่งที่ผ่านมาพรรคการเมืองต่างไม่ได้ปฏิเสธ จึงจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับพรรคการเมืองทุกฝ่าย รวมถึงประชาชนทุกฝ่าย ทุกสี ที่มีความขัดแย้งกันในอดีตให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าแม้เรา อาจจะไม่ได้มีความเห็นทางการเมืองตรงกลางทั้งหมด แต่ก็เชื่อว่า ทุกฝ่ายที่มาแสดงออกทางการเมือง ยืนอยู่บนพื้นฐานความคิดความเชื่อที่ทำให้การเมืองดี ดังนั้นการยุติการต่อสู้การดำเนินคดีไม่ว่าฝ่ายไหนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ใช้กระบวนการที่สันติแสวงหาฉันตามมาติที่เป็นที่ยอมรับ และเชื่อว่าภายหลังการพูดคุยพรรคการเมืองต่างๆ อาจจะมีร่างกฎหมายลักษณะเดียวกันมาประกบ

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ได้พูดคุยเรื่องนี้กับพรรคการเมืองต่างๆ แล้วรวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่อาจจะไม่เสนอร่าง แต่มีท่าทีสนับสนุน และตนได้ขอให้มาคุยเรื่องนี้ในชั้นกรรมาธิการ ขณะเดียวกันก็ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไว้บ้างแล้วตั้งแต่ปลายสมัยประชุมที่แล้ว ซึ่งคิดว่าน่าจะสานต่อ และหวังว่า ถ้าได้คุยกับพรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ในฟากรัฐบาล ก็ไม่ได้มีอะไรที่ติดขัด โดยต่างเห็นประโยชน์และความจำเป็น ต่อสถานการณ์ทางการเมือง เพราะรัฐบาลก็ได้แถลงว่า การจัดตั้งรัฐบาลมีเป้าหมายเรื่องความปรองดอง ซึ่งตนคิดว่าความปรองดองจะสำเร็จขึ้นได้ เงื่อนไขสำคัญคือความยุติธรรม ให้กับประชาชนด้วยการนิรโทษกรรมทางการเมือง แม้หลายกรณีอาจจะมองว่า คนที่ถูกกล่าวหามีความผิดจริง แต่เราต้องยอมรับว่า เป็นการกระทำผิดที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งคิดว่า หากเรามาเริ่มต้นกันใหม่คืนความยุติธรรมให้กับประชาชน ยุติคดีความที่เป็นเงื่อนไขให้คนที่เห็นต่างกัน มีพื้นที่ได้กลับมาคุยกัน โดยกระบวนการทางประชาธิปไตย แบบนี้ถือเป็นก้าวแรกที่จะสร้างความปรองดองได้

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะกังวลว่าคดีความที่ร้ายแรงต่างๆ เหมาะที่จะนิรโทษกรรมหรือไม่ ตนอยากจะย้ำเตือนว่า รัฐบาลขณะนั้นได้ทำให้เป็นเงื่อนไขสำคัญจนนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง คือ การนิรโทษกรรมเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2521 รวมถึงการออกคำสั่ง 66/23 ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ ล้วนแต่เป็นโทษร้ายแรงทั้งสิ้น โดยเฉพาะ 66/23 เป็นการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ใช้อาวุธลุกขึ้นสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และมีส่วนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิตจำนวนมาก เรายังสามารถเปิดให้กับคนที่กระทำผิดร้ายแรงเข้าสู่สังคม พูดคุย และร่วมใช้ชีวิตปกติในสังคมอีกครั้ง และวันนี้ที่เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เพราะตั้งใจ เนื่องจากพรุ่งนี้ครบรอบ ‘เหตุการณ์ 6 ตุลา’ จึงหวังว่า พรรคการเมืองจะให้ความสนใจและเห็นประโยชน์ร่วมกัน อาจจะเสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเร็วขึ้น

เมื่อถามย้ำว่า จะนิรโทษกรรมให้กับคดี 112 ด้วยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนที่นิรโทษกรรมให้กับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ก็เป็นเรื่องความผิดมาตรา 112 เป็นหลัก และยังมีคดีกบฏ ล้มล้างการปกครอง และเปิดให้คนที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วยอาวุธ เราสามารถที่จะอภัย เพื่อทำให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ จึงคิดว่าหากไม่มีอคติจนเกินไป ทุกฝ่ายควรจะร่วมกัน เพราะรู้สึกเสียดายที่คณะกรรมการสมานฉันท์ ตั้งโดย นายชวน หลีกภัย ทำรายงานเสร็จแล้ว แต่เสร็จในปลายสมัย จึงไม่มีโอกาสนำเสนอในสภา ซึ่งคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดต่างๆ ก็มีข้อเสนอลักษณะนี้ในเรื่องของนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า