SHARE

คัดลอกแล้ว

คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ พี่ชายฆ่าฝังดินน้องสาวกับสามีฝรั่ง ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ 1 – 3 ส่วนจำเลยที่ 4 จำคุก 25 ปี

วันที่ 31 พ.ค. 62 ศาลจังหวัดแพร่ นัดฟังคำพิพากษาคดีฆาตกรรมสองสามีภรรยาชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่จังหวัดแพร่เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61 เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดแพร่ ได้นำตัวนายหนัด หรือหนานหนัด หรือนายวารุต รัตนสัจจะกิจ อายุ 63 ปี จำเลยที่ 1

พร้อมทั้ง นายเปี้ย คำใส อายุ 63 ปี จำเลยที่ 2 และนายกิตติพงษ์ คำหวัน อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 และนายสีมา อุดพามูล  อายุ 60 ปี ชาวบ้านแม่กะต๋อม ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่  จำเลยที่ 4

ผู้ต้องหาคดีบงการฆ่า Mr. Alan Scott Hogg และนางหน็อต สุดแดน ภรรยาชาวจังหวัดแพร่ เพื่อฟังคำพิพากษา ในขณะที่มีญาติของผู้ต้องหาและญาติผู้ตายเดินทางมาร่วมฟังทั้ง 2 ฝ่าย และญาติของนายอลัน สก็อต ฮ็อค มี Mrs.Elizabeth Mary Gray เดินทางมาจากออสเตรีย  Mr. Richard Thomas Warwick และ  Mr. david  finston hogg จากประเทศอังกฤษ เข้าร่วมฟังคำพิพากษา

โดยมีนายสุเนตร สาทา นางสาวฑิตา ตันคณิตเลิศ ทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาบัลลังก์ที่ 1 ศาลได้อ่านสำนวนประกอบคำพิพากษาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยสรุปว่า  นายวารุต รัตนสัจจะกิจ จำเลยที่ 1 นายเปี้ย คำใส จำเลยที่ 2 และ นายกิตติพงษ์ คำหวัน จำเลยที่ 3  ได้เตรียมการและร่วมกันสังหารอย่างไตร่ตรองไว้ก่อน

โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 61 เวลาประมาณ 18.00 น. ทั้งสามไปเตรียมการที่บ้านของนายวารุตฯ ซึ่งอยู่ปากทางเข้าบ้านผู้ตาย จากนั้นเข้าไปในบ้านผู้ตายทั้งสอง โดยนายเปี้ยใช้ปืนลูกซองหัวปลายยิง Mr. Alan 2 นัด บริเวณเล้าเป็ด นายกิตติพงษ์ จำเลยที่ 3 ล็อคแขนนางหน็อต สุดแดน นายวารุตผู้ซึ่งเป็นพี่ชาย ใช้เครื่องมือซ่อมรถ ทุบศีรษะ บริเวณโรงรถ จากนั้นทั้งสาม ช่วยกันนำผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ไปใส่หลุมริมห้วยกวางเน่าโดยใช้รถแบ็คโฮ

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 61 เพื่อนของนางหน๊อต และ Mr. Alan ได้เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทั้งสองได้นัดเพื่อน และจะไปหาหมอที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มาตามนัด และไม่สามารถติดต่อได้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วัดพระธาตุช่อแฮให้ช่วยตามหา

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบเบาะแสจากรอยเลือดติดที่เท้าสุนัขบริเวณโรงรถในบ้าน โทรศัพท์ยังชาร์จอยู่ภายในตัวบ้าน กระเป๋าเงินอยู่ในบ้าน แต่รถกระบะของทั้งสองหายไปหนึ่งคัน เป็นต้นเหตุของการสืบสวนในคดีดังกล่าว เมื่อสืบสวนจนพบความผิดปกติ บริเวณเล้าเป็นพบว่าบริเวณดังกล่าวเหมือนมีร่องรอยของการขุด และรถแบคโฮที่จอดอยู่ มีเศษดินชนิดเดียวกันบริเวณเล้าเป็ด แต่เมื่อขุดไปแล้วไม่พบ

แต่เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลช่อแฮ ทำให้ทราบว่านายวารุต เป็นผู้ขับรถกระบะออกไปเป็นคนสุดท้าย จึงได้นำตัวนายวารุตมาสอบปากคำและแจ้งข้อหาลักทรัพย์

และในช่วงวันที่ 23 ก.ย. 61 ได้พบรถที่หายไป โดยได้เบาะแสจากผู้ที่ซื้อไปโดยเห็นจากข่าวที่ออกจึงได้นำมามอบให้ตำรวจที่จังหวัดอยุธยา จึงทำการสอบสวนต่อ จนพบร่องรอย

วันที่ 25 ก.ย. 61 เจ้าหน้าที่ได้ทำหาขุดบริเวณริมลำห้วยใกล้เล้าเป็ดอีกครั้งหลัง หลังจากสืบทราบมแล้วว่ามีการนำร่างของทั้งสองมาฝั่งไว้จุดนี้จนพบในที่สุด

ส่วน นายสีมา อุดพามูล จำเลยที่ 4 นั้นนายวารุตฯ จำเลยที่ 1 ได้ไปว่าจ้างให้ฆ่าคนข้างบ้านด้วยราคา 100,000 บาท เมื่อทราบว่าเป็นน้องสาวของนายวารุต จึงไม่รับงาน แต่พาไปหานายเปี้ย และนายกิตติพงศ์ และตัวนายสีมานั้น รับเงินไปแล้ว 50,000 บาท และค่ารถอีก 2,000 บาท ทำให้มีส่วนในการวางแผนฆ่าครอบครัวฝรั่งดังกล่าว

ศาลมีคำพิพากษาว่าให้ นายวารุต จำเลยที่ 1  นายเปี้ย จำเลยที่ 2 และ นายกิตติพงษ์ฯ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 3 คน  เนื่องด้วยคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญประชาชน และ เป็นการสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงประเทศชาติ ถือว่ามีความผิดร้ายแรง ศาลจึงไม่ลดโทษให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว

ส่วนนายสีมา จำเลยที่ 4 มีความผิดสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้มีความผิดจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4 ให้การเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 25 ปี

ในทางแพ่งได้รับฟังข้อเท็จจริงจากคดีอาญาฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันฆ่าผู้อื่นจึงต้องใช้สินไหมทดแทนแก้ลูกสาวของผู้ตายจำนวน 644,255.20 บาทในการใช้จ่ายพิธีศพและการเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อดำเนินคดีของบิดา ฯลฯ

ลูกชายของนายเปี้ยะ  กล่าวว่า  ตนทำงานอยู่ในประเทศเกาหลี  ทราบข่าวว่าพ่อมีคดี มารดาโทรศัพท์ไปบอกตนจึงได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือพ่อ แต่มาที่ศาลไม่ได้เข้าฟังคำพิพากษา มาทราบทีหลังว่าบิดาถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตแล้ว  ตนไม่มีความรู้พอ ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ต้องช่วยเหลือพ่อให้ถึงที่สุด คงต้องติดต่อศาลว่ามีช่องทางอย่างไร อาจจะยื่นอุทธรณ์ต่อไปก็เป็นได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า