6 ต.ค. เตรียมฝากขัง ‘โกลัก’ เจ้าของอาบอบนวดนาตารี คดีดังปี 59

เตรียมฝากขัง ‘โกลัก’ เจ้าของอาบอบนวดนาตารี คดีดังค้าประเวณีเด็ก ขณะที่ ‘ชูวิทย์’ ย้อนเรื่องจริงธุรกิจอ่างรัชดา

วันที่ 5 ต.ค. 2564 ความคืบหน้าคดีนายประเสริฐ สุขี หรือ โกลัก อายุ 63 ปี เจ้าของอาบอบนวดนาตารี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1303/2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์จากบุคคล หรือเด็ก (บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี) โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามด้วยวิธีการฉ้อฉลหลอกลวง หรือใช้อำนาจโดยมิชอบซึ่งเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์” และหมายจับศาลอาญาที่ 1659/2563 ในฐานความผิด “ร่วมกันฟอกเงิน” โดยผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ที่ บริเวณถนนวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ภายหลังจากหลบหนีคดีมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี

ผู้ต้องหายังไม่ให้การใด ๆ กับพนักงานสอบสวน อ้างรอทนายความที่ครอบครัวไว้ใจ ซึ่งทนายความติดภารกิจช่วงเช้า เดินทางมาถึง สน. ห้วยขวางเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทำให้การสอบสวนล่าช้า ไม่สามารถนำตัวไปฝากขังได้ในวันนี้ (5 ต.ค. 64)

ทั้งนี้การสอบปากคำ ผู้ต้องหาไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถตอบได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมา โกลัก หลบหนี หรือใช้ชีวิตตามปกติ โดย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ยืนยัน ไม่ได้ประวิงเวลา แต่ผู้ต้องหาใช้สิทธิตามกฎหมาย

โดยพรุ่งนี้ (6 ต.ค. 64) ตำรวจจะฝากขังทาง Video Conference พร้อมคัดค้านประกันตัว ส่วนลูกชายของโกลัก และลูกน้อง รวม 3 คนที่ยังหลบหนี มีรายงานว่ายังไม่ได้รับการประสานให้มอบตัว ซึ่งตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมให้มาต่อสู้ตามกฎหมาย แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

สำหรับการจับกุมโกลักครั้งนี้ เนื่องจากชุดสืบสวนของทางตำรวจปคม. สืบทราบว่าโกลักต้องมาฉีดวัคซีนเข็ม 2 และต้องเข้ามาพักอาศัยในคอนโดมิเนียมของตนเอง ในย่านบางกอกน้อย จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ และส่งต่อมายัง สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางเจ้าของพื้นที่

คดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2559 เจ้าหน้าที่กรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นำกำลังเข้าตรวจค้น นาตารี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด ย่านรัชดาภิเษก หลังจากได้รับการร้องเรียนจากองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ แจ้งเบาะแสว่า มีการค้ามนุษย์ภายในสถานบริการดังกล่าว มีการเปิดลักลอบให้หญิงต่างด้าวอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาแอบแฝงค้าประเวณี

จากนั้นได้ดำเนินคดีกับ 1.นายพงษ์อนัน ผู้ดูแลสถานบริการ ศาลตัดสินจำคุก 25 ปี 12 เดือน, 2.นายสมประสงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศาลตัดสิน 24 ปี 12 เดือน, 3.นายภานรินทร์ 4.นายอะตาผะ 5.นายลาภชูลาภ และบริษัท พี.เอส.เอส. เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ในความผิดหลายข้อหาและส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งทุกคนให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริงตามฟ้อง

‘ชูวิทย์’ เจ้าพ่ออ่างรัชดา ย้อนเรื่องจริง ล้วนจบที่คุก ชี้ ‘โกลัก’ จนมุมเพราะค้าเด็ก

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เขียนบทความ “หนทางจากรัชดาไปสู่คุก” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สรุปว่า เจ้าพ่อรัชดา ล้วนมีหนทางไปจบที่คุก อย่างเช่นตัวผม เตลิดจากรัชดาไปสู่สภาที่ทรงเกียรติ์ แล้วเส้นกราฟตกต่ำได้เข้าไปนอนคุกอยู่เกือบปี เรียนรู้วิถี สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ ออกมาผันตัวเองเป็นผู้สื่อข่าว ได้เรียนรู้ชีวิตมากมาย เห็นมาทุกวงการความเขี้ยว

โกลัก นาตารี ที่ถูกตำรวจรวบเพราะเอาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไปทำงานในอาบอบนวด จนถูกบุคคลหนึ่งที่ต้องขอชื่นชมในอุดมการณ์แรงกล้า ชื่อ “รณสิทธิ์ พฤษภาชีวะ“ ประธานมูลนิธิ เอ็นเวเดอร์ ในขณะนั้น หรือมูลนิธิรณสิทธิ์ ในปัจจุบัน ที่สืบหาข่าวต่อต้านการค้ามนุษย์ และแจ้งตำรวจบุกจับทั้งโกลัก นาตารี และ กำพล เดอะลอร์ด ที่ยังหนีอยู่ทุกวันนี้ โกลักกับตน ทำธุรกิจอาบอบนวดกันคนละแบบ ผมทำเพราะรักสนุก อายุ 32 คิดอยากเป็นเจ้าของคลับหรูๆ เป็นผู้ชายชอบเที่ยว แถมได้เงินเร็ว ตอนหนุ่มคิดได้แค่นี้

โกลัก เล่นเอาเด็กอายุ 15-16 ปี มาทำงานใจกลางรัชดานี่เอง อย่างนี้มันไม่ไหว เพราะเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้จะยินยอมก็เถอะ เข้าข่ายค้ามนุษย์ ตามด้วยข้อหาฟอกเงิน อันที่จริง แค่ค้าประเวณีมันก็เข้าข่ายค้ามนุษย์แล้ว เดี๋ยวนี้กฎหมายมันแรง แล้วแต่ว่าเจ้าหน้าที่จะเอาจริงหรือเปล่า เพราะอาบอบนวดทุกที่มันก็ค้าประเวณีกันทั้งนั้นคนบอกโกลักเป็นคู่ปรับ ขอบอกว่า คนละรุ่น มวยคนละชั้น คดีที่ทำให้ผมติดคุกเป็นคดีรื้อบาร์เบียร์ กรรมเก่ามันมีเลยเข้าไปชดใช้ ไม่เคยคิดหนี ติดก็ติด

ตำรวจยุคของท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตามจับให้ได้ที ยิ่งได้ผู้การใหม่ไฟแรงอย่าง “ผู้การตุ้ม” พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการกองบังคับการปรามปรามการค้ามนุษย์ ลูกน้องข้างกาย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คนจริง พูดน้อย ต่อยหนัก ขอให้ตามจับได้อีกคน ปิดบัญชี เส้นทางเจ้าพ่อรัชดาเรียงแถวเข้าคุกกันให้หมด จะได้เท่าเทียมกัน ใหญ่แค่ไหนก็จับ ติดคุกยังมีวันออก แต่หากหนี ก็ต้องหนีตลอดชีวิต เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น มีเงินน้อยหน่อย แต่มีอิสรภาพ ดีกว่ามีเงินมาก แต่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีวันจบ