Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘โพเมโล’ (Pomelo) สตาร์ทอัปแพลตฟอร์มแฟชั่นพันล้าน ที่แม้รายได้จะเติบโตขึ้นทุกปี แต่ภาพรวมยังคงขาดทุน

แต่ล่าสุดออกมาประกาศว่าในอีก 2-3 ปีนี้ จะเติบโต 100% ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แต่ถามว่าในยุคข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่งกระฉูด และหลายคนอาจมองว่า ‘เสื้อผ้า’ ยังไม่ใช่ของจำเป็น

แล้ว Pomelo จะทำตามแผนได้สำเร็จหรือไม่ ก้าวเดินต่อไปของ Pomelo จะเป็นอย่างไร เพื่อให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

TODAY Bizview จะอธิบายให้ฟัง

——–

Pomelo สตาร์ทอัปแฟชั่นพันล้านของไทย

หากจะพูดถึงแบรนด์แฟชั่นในไทยที่สาวๆ อาจจะเคยเข้าไปช้อปทั้งในเว็บไซต์และหน้าร้านกันมาบ้าง หนึ่งในนั้นคงเป็นแบรนด์ ‘โพเมโล’ (Pomelo)

Pomelo เริ่มก่อตั้งในไทยเมื่อปี 2013 โดย ‘เดวิด โจว’ และ ‘เคซี่ เหลียง’ เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นมากในเรื่องการให้บริการแบบ ‘Omnichannel’ หรือการเชื่อมการให้บริการบนออนไลน์กับออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อแล้ว

แต่ตอนนี้ที่ผ่านมา 9 ปี เส้นทางของโพเมโลแม้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็เรียกว่ามาไกล และเติบโตกว่าเดิมมากเลยทีเดียว

ถามว่าประสบความสำเร็จยังไงบ้าง ลองมาดู

-ปัจจุบันให้บริการแล้วใน 6 ประเทศ คือ ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีน, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (แต่ในฟิลิปปินส์มีแต่ออนไลน์เท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ มีหน้าร้านด้วย)

-ใน 6 ประเทศดังกล่าว มีสำนักงานของบริษัทตั้งอยู่ใน 4 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

-ปัจจุบันมีร้านสาขารวมทั้งหมด 27 สาขา เป็นในไทย 22 สาขา ต่างประเทศ 5 สาขา

-มีพนักงานมากกว่า 600 คนทั่วโลก

-มีเสื้อผ้าแบรนด์อื่นๆ มาขายบนแพลตฟอร์มของ Pomelo ในปัจจุบันมากกว่า 500 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Adidas, Maybelline, Cotton On และ Urban Revivo ด้วย

-ออกบริการใหม่ที่ชื่อว่า Prism รับทำการตลาดและรับผลิตให้แบรนด์ที่จะวางขายบน Pomelo

ส่วนในเรื่องของผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังของบริษัท โพเมโล แฟชั่น จำกัด จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีดังนี้

-ปี 2018 รายได้รวม 409 ล้าน ขาดทุน 76 ล้าน

-ปี 2019 รายได้รวม 808 ล้าน ขาดทุน 135 ล้าน

-ปี 2020 รายได้รวม 1,046 ล้าน ขาดทุน 220 ล้าน

แม้จะเป็นตัวเลขที่ขาดทุนต่อเนื่อง (และเพิ่มขึ้น) แต่ถึงอย่างนั้น Pomelo เองก็มีรายได้เกินพันล้านบาทไปแล้ว แถมยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนใหญ่ๆ หลายครั้งหลายคราว เช่น

-ปี 2019 ระดมทุนรอบซีรีส์ C ได้เงิน 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,600 ล้านบาท) มีนักลงทุนรายสำคัญคือ ‘เซ็นทรัล’

-ปี 2021 ระดมทุนในรอบซีรีส์ C+ ได้เงิน 34 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,141 ล้านบาท)

-ปี 2022 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวว่า Pomelo คือหนึ่งในสตาร์ทอัปที่ PTT OR (ในเครือ ปตท.) เข้าลงทุนด้วย แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลข

ข้อมูลจาก Tech in Asia ในเดือน ม.ค. 2022 ระบุว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนของ Pomelo นั้นอยู่ที่ 98 ล้านดอลลาร์แล้ว (ราว 3,300 ล้านบาท)

ถามว่าอะไรที่ทำให้ Pomelo ประสบความสำเร็จ?

หลักๆ คงมาจากเรื่องการเป็น Omnichannel (ซึ่งใช้ชื่อบริการว่า Tap.Try.Buy) ที่ทำได้ดีมาก

คือลูกค้าสามารถดูของบนออนไลน์ก่อน แล้วจองไว้ว่าจะไปลองที่หน้าร้าน ซึ่งพอไปลองแล้วจะซื้อหรือไม่ก็ได้

ขณะที่กลยุทธ์ Omnichannel ของแบรนด์สินค้าส่วนใหญ่จะจะทำได้เพียงสั่งของบนออนไลน์แล้วไปรับหน้าร้านมากกว่า

กลายเป็นว่า Tap.Try.Buy เป็นกลยุทธ์ที่แตกต่าง และลูกค้าชอบ คนที่ใช้บริการนี้มีโอกาสซื้อของเพิ่มขึ้น 33% ซื้อซ้ำ 18%

ที่น่าสนใจคือ Tap.Try.Buy กลายเป็นช่องทางที่คิดเป็น 24% ของคำสั่งซื้อทั้งหมด (40% มาจากอีคอมเมิร์ซ ส่วน 25% มาจากหน้าร้าน)

เรียกได้ว่า Pomelo เป็นผู้นำเบอร์ต้นๆ ในเรื่อง Omnichannel ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้

——–

เป้าหมายใหม่สุดท้าทาย

แม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว แต่การทำธุรกิจยังไงก็ต้องสร้างการเติบโตต่อไป

และเป้าหมายล่าสุดของ Pomelo ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาก

คือตั้งเป้าว่าในอีก 2-3 ปีหน้า จะเติบโต 100% มีหน้าร้านเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 27 สาขา เป็น 54 สาขา มีแบรนด์มาขายบนแพลตฟอร์มเพิ่มจาก 500 แบรนด์ เป็น 2,000 แบรนด์

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าขยายมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด (GMV) ให้เติบโตขึ้น 260% (ปัจจุบัน GMV 65% มาจากประเทศไทย) และขยาย GMV ของแบรนด์ Pomelo ให้เติบโตขึ้น 2 เท่า (ปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 60%)

สิ่งที่ Pomelo จะทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย หลักๆ คือการทุ่มเงินก้อนใหญ่ 1,000 ล้านบาท สำหรับลงทุนในเรื่องการตลาดและคอนเทนต์

พูดง่ายๆ คือเงินก้อนนั้นจะนำไปใช้ทำการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ กำหนดกลยุทธ์และทีมที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่น และสร้างเครื่องมือคิดคอนเทนต์แบบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติ และสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคตได้

ถามว่าอะไรที่ทำให้ Pomelo มั่นใจว่าจะเติบโตได้ และกล้าทุ่มเม็ดเงินขนาดนั้นไปกับการตลาดและเทคโนโลยี ลองมาดู

ข้อมูลจากกูเกิล เทมาเส็ก และบริษัท เบน แอนด์ คอมพานี บอกว่า

-ในปี 2030 เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ (33.6 ล้านล้านบาท)

-ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคนซื้อของออนไลน์ 350 ล้านคน

-ในปี 2021 ที่โควิดยังไม่คลี่คลาย หมวดเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ มีศักยภาพเติบโตสูงสุดที่ 3.1 เท่า ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง โต 2.9 เท่า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์โต 1.6 เท่า

-ปี 2021 ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้แอปซื้อของออนไลน์เฉลี่ย 7.9 แอป/คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.9 เท่า

ทำให้ Pomelo มองเห็นโอกาส และวางกลยุทธ์การขยายการเติบโตและการแบ่งประเภทของโปรดักต์ ไปแบบสอดคล้องกับข้อมูลนี้

ถ้าว่ากันตามจริง การพิชิตเป้าหมายโต 100% ของ Pomelo นั้นดูไม่ได้ยากเกินเอื้อม และการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มแฟชั่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ดูเป็นไปได้

เพราะในภูมิภาคนี้ Pomelo ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงในสังเวียน

แต่จะทำได้ภายใน 2-3 ปีอย่างที่หวังไว้หรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป…

อ้างอิง

https://www.techinasia.com/ipobound-thai-fashion-firm-pomelo-bags-34m-fresh-funds

https://www.blognone.com/node/127445

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า