‘เพื่อไทย’ลดบทบาทคนรุ่นเก่า เปิดพื้นที่ดึงคนรุ่นใหม่

‘เพื่อไทย’ แก้ปัญหาดิสรัปชันการเมือง ลดบทบาทคนรุ่นเก่า เปิดพื้นที่ดึงคนรุ่นใหม่

การเปิดตัวโครงการ ‘The Change Maker’ ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2564 ถือเป็นหมากอีกก้าวหนึ่ง เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาแก้ปัญหาดิสรัปต์ทางการเมืองในพรรค

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยังยึดติดกับแกนนำหน้าเดิมๆ จนทำให้คนรุ่นใหม่แทบจะไม่มีบทบาทอะไรในพรรค ส่งผลให้ในสายตาของคนนอกนั้น เริ่มออกอาการเบื่อหน่าย ไม่อยากฟังนักการเมืองที่ยังคงหากินกับนโยบายเก่าๆ แต่เคลมรายวันว่าเป็นผลงานของตัวเองที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พรรคก้าวไกลในวันนี้จะได้รับกระแสนิยม และเติบโตทางโซเชียลได้มากกว่าพรรคการเมืองอื่น เพราะแทบจะไม่เอานักการเมืองหน้าเก่าเลย ซึ่งเรื่องนี้พรรคการเมืองแทบทุกพรรคก็รู้ดีอยู่เต็มอก แต่ติดเงื่อนไขที่ยังต้องเกรงใจนักการเมืองรุ่นเก่าอยู่

ว่าไปแล้ว สมัยก่อกำเนิด ‘พรรคไทยรักษาชาติ’ เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อให้มาแข่งกับพรรคอนาคตใหม่โดยตรง แต่เพราะปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยเอง ระหว่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

สุดท้ายจึงต้องแยกนายจาตุรนต์ให้ออกมาช่วยงานพรรคไทยรักษาชาติแทน แต่กลับกลายเป็นว่า เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นมาอีก จนทำให้คนรุ่นใหม่ในพรรคไทยรักษาชาติกลายเป็นไม่มีบทบาทไปในที่สุด

เหล่านี้จึงเป็นที่มาให้ ‘เฮียเพ้ง’ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรมว.พลังงาน แกนนำคนสำคัญของพรรค เสนอโครงการ ‘The Change Maker’ ขึ้น ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยเองต่างก็เห็นด้วย

โดยรูปแบบโครงการที่คิดไว้นั้น จะออกแนวคล้ายๆ กับบ้านเอเอฟ เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดใหม่ๆ จะอายุเท่าไหร่ก็ได้ ขอเพียงสนใจที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมือง

สมมติว่าหากได้ผู้สมัครทั้งหมด 1,000 คน จะคัดเลือกจนตกผลึกเป็นปัญหาทั้งหมด 100 ปัญหา ก่อนที่จะให้เสนอแนวคิดว่า จะมีทางออกในการแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างไร เพื่อคัดเลือกให้เหลือเพียง 100 คน

จากนั้นจะแบ่งออกเป็น 10 ทีม ทีมละ 10 คนเพื่อแข่งขันกัน ก่อนที่จะคัดเหลือเพียง 5 ทีม ซึ่งจะเป็น 5 นโยบายที่ผ่านการคัดเลือกจากแกนนำพรรคเพื่อไทยแล้ว และพร้อมที่จะนำไปจัดทำเป็นนโยบายของพรรคต่อไป

ที่สำคัญ หลังจากที่ปิดรับสมัครแล้วนั้น ระหว่างการคัดเลือก ผู้สมัครทุกคนจะต้องเข้าคอร์สเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อรับฟังแนวคิดทั้งจากนักวิชาการ รวมถึงชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ด้วย

ขณะที่ช่องทางพอดแคสต์นั้น ถูกใช้เป็นเพียงช่องทางเสริมอีกช่องทางหนึ่ง เพื่อที่จะนำคนที่เคยประสบความสำเร็จมาพูดให้คนรุ่นใหม่ได้ฟัง หรือพูดชัดๆ ก็คือ ให้คนแก่มาเกาะเด็กก็คงไม่ผิด

เพราะต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้กระแสคนรุ่นใหม่มาแรง แต่ขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ที่ไม่เอาพรรคก้าวไกลเพราะประเด็นเรื่องสถาบันนั้น ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น

พรรคเพื่อไทยจึงอาศัยจังหวะนี้ กวาดคนรุ่นใหม่ที่หนีจากพรรคก้าวไกลให้มาอยู่กับตัวเอง ชิงความได้เปรียบด้วยการหยิบแนวคิดของคนรุ่นเก่า มาผลักดันด้วยแรงเสริมโดยคนรุ่นใหม่

ทั้งหมดนี้ ก็หวังว่าจะได้กลับมาถือธง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งสมัยหน้า