คาบาเร่ต์ เกาะเต่า ผันตัวขายอาหารตามสั่ง หาทุนหวังได้โชว์อีกครั้ง หลังสูญรายได้หลักล้านต่อเดือน

การแสดง โชว์คาบาเร่ต์ รูปแบบของความบันเทิง การร้องเพลง การเต้นและการละครสาวประเภทสอง ที่มักสร้างรายได้อย่างงามให้เจ้าของธุรกิจในช่วง 4 เดือนแรกของทุกปี แต่สำหรับปี 2020 นี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าเพียงสองเดือนแรกธุรกิจต้องหยุดชะงักลง จากผลกระทบโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับธุรกิจบันเทิงอื่นๆ หลายแห่งแบกรับภาระไม่ไหวต้องปิดกิจการ บางแห่งก็ปรับตัวอย่างหนักหันไปทำธุรกิจอื่นเพื่อหารายได้เลี้ยงปากท้องพนักงาน และประคับประคองธุรกิจให้รอดพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้

‘เดอะควีน’ส คาบาเร่ต์’ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เปิดกิจการมากว่า 13 ปี ต้องหยุดแสดงชั่วคราวแบบไม่รู้จุดหมายว่าจะกลับมาเปิดได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธวัชชัย ธารพร หรือ บิ๊กมาม่า เจ้าของเดอะควีน’ส คาบาเร่ต์ ยอมรับว่า วิกฤตโควิดครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้งที่เคยเผชิญมา เพราะทำเอาเกือบหมดตัว สูญเสียรายได้หลักล้านต่อเดือน สวนทางกับภาระค่าใช้จ่าย ทั้งค่าตัวพนักงานในร้านอีก 30 คน ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าสต็อกวัตุดิบเครื่องดื่มในร้านอาหาร รวมกว่า 8-9 แสนบาทต่อเดือนที่ยังต้องแบกรับอยู่

ธวัชชัย ธารพร หรือ บิ๊กมาม่า เจ้าของเดอะควีน’ส คาบาเร่ต์

“ผู้ที่มาชมคือชาวต่างชาติ 95% ช่วงไฮซีซั่นก็จะแน่นเลย ช่วงปกติเราก็อยู่ได้สบายๆ เคยมีผู้ชมแน่นสุดประมาณ 500 คน ช่วงปกติผู้ชมประมาณ 300 คนต่อคืน เหมือนมินิเธียเตอร์……รายได้เดือนนึงก็อยู่ที่ประมาณ 1 ล้าน – 1 ล้าน 5 แสนบาทต่อเดือน หักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะเหลือประมาณ 5-7 แสนบาท ซึ่งตอนนี้รายได้กลายเป็นศูนย์บาท” บิ๊กมาม่า เปิดเผยในรายการปัญญาปันสุข

บิ๊กมาม่า เป็นฉายาประจำตัวของ ธวัชชัย ที่เกิดจากการโชว์ที่เป็น signature คือโชว์เพลง ‘When You’re Good to Mama’ จากหนัง Chicago ประสบการณ์ชีวิตของเธอคนนี้เคยเป็นถึงนางแบบ และดีไซเนอร์ชื่อดังในอิตาลี มีความใฝ่ฝันอยากผ่าตัดแปลงเพศมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุด มีทั้งชื่อเสียงระดับโลก มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่เบื้องหลังชีวิตที่สมหวัง เธอแลกมาด้วยการล้มลุกคลุกคลานนับครั้งไม่ถ้วน ประกอบกับตลอดการดำเนินธุรกิจคาบาเร่ต์โชว์ 13 ปี ที่เกาะเต่า บ่อยครั้งมีอุปสรรคเรื่องสภาพอากาศในฤดูมรสุม ต้องกัดฟันสู้ในช่วงที่นักท่องเที่ยวลดจากกรณีข่าวทางลบของพื้นที่ และหลายเหตุการณ์ภายในประเทศทำให้ร้านเคยหยุดกิจการชั่วคราวมาบ้างในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เธอมีบทเรียนและมีแผนพร้อมรับความเสี่ยงของธุรกิจเสมอ

เมื่อโควิดทำให้อาชีพที่รักต้องหยุดลง แต่บิ๊กมาม่าก็ไม่ยอมแพ้ แม้ลูกน้องที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดจะแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนเกาะปิด ไม่กี่วันหลังจากนั้นบิ๊กมาม่า ควักเงินเก็บ 2 แสนบาท เพื่อเปิดโรงทานแจกอาหารคนในเกาะเต่า พร้อมกับลงทุนแปลงโฉม ‘เดอะควีน’ส คาบาเร่ต์’ ปรับเป็นร้านอาหารตามสั่ง ‘อีเปี่ยมโภชนา’ ใช้พื้นที่หน้าร้านคาบาเร่ต์ และใช้ห้องหลังร้านเป็นครัว พร้อมกับเปิดร้านชากะเทย เป็นบาร์ขายเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ให้นางโชว์ที่เหลืออยู่ช่วยกับขี่มอเตอร์ไซด์ส่งเดลิเวอรีรอบเกาะ

เมนูเด็ดของร้านอีเปี่ยมโภชนาในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่หาได้ในเกาะ โดยช่วงเช้า จะทำข้าวเหนียวหมูปิ้งขาย ตอนสายทำข้าวแกงใส่ถุง ตระเวนขายเดลิเวอรี ส่วนช่วงบ่าย เปิดหน้าร้านขายอาหารตามสั่ง รายได้เฉลี่ยวันละ 2-3 พันบาท บางวันขายดีสูงสุด 7 พันบาท แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วก็แทบไม่เหลืออะไร เพราะต้องดูแลลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง จนบางวันออกไปตกปลาหมึกกับเรือประมง ออกค่าน้ำมันเรือ เพื่อหาวัตถุดิบมาทำอาหารเลี้ยงลูกน้อง

“พอโควิด เราคิดว่าแม้ทุกอย่างจะหยุด แต่ยังไงมันต้องกิน เราก็ต้องขายของกินเพื่อที่เราจะได้มีกิน แต่เราจะไปขายแพงไม่ได้ เพราะถ้าเราขายแพงต่อไปเขาก็ไม่มีแรงซื้อ ทุกวันนี้คนก็ไม่มีเงินไปซื้อของกินมากมาย เริ่มแรกเราขายแต่เช้าเลย เป็นข้าวเหนียวหมูทอด ผัดบะหมี่ห่อละ 25-30 บาท”

“สมัยเรายังเรียนมัธยม ที่บ้านแม่ขายอาหารตามสั่งก็สอนมาบ้าง แต่เราไม่เอาเลย พอไปเรียนอิตาลีก็หัดทำอาหารไทยดูสูตรจากกูเกิ้ลบ้าง และเรียนรู้สูตรอาหารจากคนไทยในต่างประเทศจนเริ่มรักการทำอาหาร ต่อมาเมื่อมีซีรี่ส์แดจังกึม ก็อยากเป็นแดจังกึม จึงทำอาหารอย่างจริงจัง” บิ๊กมาม่า บอกกับทีม workpointTODAY

อีกมุมหนึ่ง เดอะควีน’ส คาบาเร่ต์ ยังเป็นเบื้องหลังในการเปิดโรงทาน ทำกับข้าวแจกคนบนเกาะ และแพ็กอาหารแห้งใส่ถุงปันสุขตั้งแจกชาวบ้าน เพราะอยากช่วยคนที่เดือดร้อนในช่วงวิกฤตโควิด โดยการแจกบางวันมีคนมารอรับสูงถึง 700 คน ส่วนหนึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว ที่ไม่มีกิน เพราะขาดรายได้จากการว่างงาน

เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นช่วงเวลาที่เกาะเต่าจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลเริ่มคลายล็อกเฟส 5 ให้ธุรกิจบันเทิง กลับมาเปิดบริการได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่กำหนด บิ๊กมาม่า บอกว่า ในระยะแรกคาบาเร่ต์โชว์ ต้องหวังกลุ่มผู้ชมนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ซึ่งทางร้านจะมีการปรับการแสดงให้มีดนตรีผสมบ้าง จากเน้นร้องเพลงสากล ก็ต้องเพิ่มเพลงไทยเข้าไปมากขึ้น พร้อมกับเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ รอบละ 50 คน ตามมาตรการภาครัฐ จากที่เคยมีผู้เข้าชมแน่นสุด 500 คน  ทั้งนี้ได้เตรียมออกโปรโมชั่นร่วมกับเกสเฮ้าส์ในเกาะเต่า ปรับลดราคาสำหรับลูกค้าคนไทย ขายแพคเกจท่องเที่ยว 1,999 บาท ที่พัก 3 วัน 2 คืน ให้ชมคาบาเร่ต์พร้อมดินเนอร์ แถมทริปดำน้ำตื้นรอบเกาะ

บิ๊กมาม่า ฝากทิ้งท้ายว่า ในวันที่ยากลำบากที่สุด กำลังใจที่ดีจากทีมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มีแรงสู้ต่อ และมีความหวังเสมอว่าเมื่อนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ปกติ ธุรกิจจะกลับมาสดใสอีกครั้ง

“ถ้ามันสามารถเปิดการท่องเที่ยวได้พี่ไม่กลัวเลย สามารถที่จะสู้ต่อได้ แต่ถ้าการท่องเที่ยวมันยังเปิดไม่ได้อีกไปถึงปลายปีนี้ ก็คงคิดว่าหืดขึ้นคอเหมือนกันในการที่จะรักษาทุกอย่างไว้ ตอนนี้ก็ต้องวางแผนสำรองเรื่องของร้านอาหารไว้รองรับ”

“มันอาจจะยาก มันอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะรักษาบ้านนี้ให้ได้นานที่สุด ขอให้ทุกคนสู้ ยังไงก็ไม่ยอมแพ้” บิ๊กมาม่า กล่าวกับลูกน้องที่รักเหมือนครอบครัวเดียวกัน