ประเด็นคือ – ครอบครัว “นางวรรณา สวนสัน” ผู้ต้องหาตามหมายจับเหตุเอี่ยวแก๊งบึ้มราชประสงค์ เมื่อปี 2558 วอนรัฐบาลไทยเห็นใจนำตัวน้องสาวและลูกน้อยที่เกิดในห้องขัง ตม.ตุรกี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
วันที่ 30 กันยายน 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากครอบครัว นางวรรณา สวนสัน หรือ นางไมซาเราะห์ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดพังงา อยู่ในพื้นที่ ม. 6 บ้านห้วยทรัพย์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหา และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ชาวตุรกี สามีนางวรรณา ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ และครอบครองวัตถุระเบิดฯ บริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 58 ที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปยังประเทศตุรกีก่อนเกิดเหตุระเบิด โดยการสืบสวนสอบสวนพบว่านางวรรณา เกี่ยวข้องในการเปิดห้องพัก และเช่าบ้านให้กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพื่อนของสามี ซึ่งในขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการประสานงานขออัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นคดีความมั่นคงและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ขณะที่นางรู้เกี้บ สวนสัน (มารดา) และนางเอมอร สวนสัน (พี่สาว) พร้อมครอบครัวได้ร้องของความเป็นธรรมให้ทางรัฐบาลไทยเข้าช่วยเหลือครอบครัวของ นางวรรณา ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์ ก่อนจะถูกจับตัวพร้อมสามีที่ ตม.ตุรกี พร้อมถูกยึดพาสสปอร์ตห้ามเดินทางออกนอกประเทศตุรกี และถูกคุมขังไว้ที่ ตม.ตุรกี เป็นเวลากว่า 2 ปี จนทำให้ทางญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่ในจังหวัดพังงา เกิดความกังวลใจและสงสารหลานอีก 2 คน ที่เกิดในห้องขังต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก จึงต้องการให้ทางรัฐบาลไทยเข้าช่วยเหลือนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางญาติๆ ได้มีการทำหนังสือไปถึงทางสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อของให้ทางรัฐบาลขอตัวนางวรรณา กลับมาที่ประเทศไทย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงฝากสื่อให้ช่วยเหลือ
นางเอมอร สวนสัน (พี่สาว) กล่าวว่า น้องสาวถูกออกหมายจับในคดีระเบิดเหตุราชประสงค์ เมื่อปี 58 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นน้องสาวของตนเองได้ไปเช่าโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมานคร และมีการเช็คเอาท์ออกไปก่อนหน้าแล้ว 2 เดือนกว่า ก่อนจะมีเหตุการณ์วางระเบิด และมีคนไปเช่าห้องที่น้องสาวพักอาศัยอยู่ต่อ แต่หลังจากน้องสาวเช็คเอาท์ออกก็ได้อาศัยอยู่ที่กรุงเทพและเดินทางกลับมาบ้านในจังหวัดพังงา ทางสามีของน้องสาวจึงได้ทำเรื่องกับประเทศตุรกี จึงมีเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ขึ้น ก่อนออกหมายจับน้องสาวและสามีชาวตุรกี จนขณะนี้น้องสาวและสามี และลูกอีกสองคนถูกคุมขังไว้ที่ ตม.ตุรกี จึงอยากจะฝากถึงทางรัฐบาลไทยและสื่อมวลชน ช่วยนำเสนอเพื่อขอตัวน้องสาวกลับมายังประเทศไทย เพราะอยู่ที่ประเทศตุรกีถูกกักขังในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองซึ่งตนเองเคยได้ติดต่อกับน้องสาวที่ถูกคุมขังอยู่ประเทศตุรกี เขาอยากกลับมาประเทศไทยเพื่อมาพิสูจน์ความจริงว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางครอบครัวได้ทำหนังสือให้ทางสำนักนายกรัฐมนตรีช่วยเหลือแต่ยังไม่ได้รับคำตอบอะไรเลย จึงฝากให้ทางรัฐบาลไทยช่วยดำเนินการขอตัวให้ลูกสาวกลับมายังประเทศไทยเพื่อต่อสู่คดีต่อไป