Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ครอบครัวสุดท้อ “ น้องเมย” เสียชีวิต 10 เดือน คดีไม่คืบ ซ้ำอวัยวะภายในที่ถูกดอง โดยสถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎ จนได้รับความเสียหาย ยังส่งผลต่อรูปคดีที่ไม่สามารถชี้ชัดถึงสาเหตุการตายได้ เผยเตรียมยื่นหนังสือร้องแพทย์สภา พิจารณาจรรยาบรรณและวิธีการทำงานแพทย์

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ส.ค. 61 นายพิเชษฐ พร้อมด้วย นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อ แม่ และพี่สาวของ “น้องเมย” หรือ นายภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 60  ได้เปิดใจต่อผู้สื่อข่าวอีกครั้ง หลังการเสียชีวิตของคนในครอบครัวล่วงเลยมานานถึง 10 เดือน แต่การดำเนินคดีตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีอะไรคืบหน้า

ที่สำคัญ ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังได้รับความเสียหายทางรูปคดี จากผลการชันสูตรพลิกศพ ที่ต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาเกี่ยวกับการไต่สวน หาสาเหตุการเสียชีวิตในชั้นศาล ซึ่งแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีความเห็นแตกต่างกับคณะแพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ขณะที่ผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นเนื้อดีเอ็นเอ จากอวัยวะหลายส่วนที่แพทย์จากสถาบันแรก ได้ทำการดอง ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของน้องเมยหรือไม่ ได้ส่งผลต่อสำนวนการชันสูตรของ สภ.นครนายก และ สภ.บ้านนา ที่ทำให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากอัยการไม่สามารถลงความเห็นการตาย จนไม่สามารถส่งสำนวนให้ศาลไต่สวนได้เช่นกัน

น.ส.สุพิชา บอกว่าอวัยวะที่เสียหายมีผลกับรูปคดีมาก เพราะแพทย์นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เขียนไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถสรุปหาสาเหตุการตายได้เนื่องจากขาดอวัยวะที่สำคัญ  ทำให้ในวันนี้ครอบครัวต้องทำหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมไปยังแพทยสภา ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่ควบคุมแพทย์ทั้งหมดในประเทศ  เพื่อให้ช่วยลงมาพิจารณาว่าการเก็บ การผ่าชันสูตรพลิกศพ หรือแม้แต่การดองอวัยวะของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ทำถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่

เนื่องจากขณะนี้ครอบครัวได้รับความเสียหายในเรื่องของคดีเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนัดกับทีมทนายว่า จะเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือวันใด “เราได้ขอให้แพทยสภา ชี้ถึงจรรยาบรรณของแพทย์และมาตรฐานการชันสูตรพลิกศพของสถาบันพยาธิ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกัน

“เราเคยได้คุยกับคุณหมอชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า การเก็บดองอวัยวะ ย่อมส่งผลต่อการหาอัตตลักษณ์บุคคลได้ว่าเป็นของใคร แต่ของน้องเมย มันแปลกมากที่ว่าเพียงไม่กี่เดือนการดองอวัยวะตรงนั้น ทำลายคู่ดีเอ็นเอของเขาไปเยอะมาก จนตรวจไม่ได้

“แพทย์ผู้ใหญ่ท่านนั้นยังบอกอีกว่า การดองอวัยวะที่อ้างว่าเป็นของเมย เป็นการดองด้วยฟอมารีนที่เข้มข้นเกินกว่าที่ควรจะทำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว วิชาชีพแพทย์ ทุกคนต้องรู้ว่าการดองอวัยวะที่สมบูรณ์ จะต้องทำอย่างไร และใช้ฟอมารีนกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าวิชาชีพแล้วไม่น่าทำพลาด”

น.ส.สุพิชา ยังบอกถึงความคืบหน้าทางคดีว่า ทางครอบครัวได้แจ้งความไปทั้งหมด 4 เรื่อง แต่ได้ขึ้นสู่ศาลแล้วเพียง 1 เรื่อง คือ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 60 ซึ่งเป็นวันที่ “น้องเมย” ถูกรุ่นพี่บังคับบัญชาทำร้ายร่างกาย ซึ่งคนที่มาเป็นพยานฟังโจทย์ คือพ่อลูกที่เคยเป็นข่าวว่า ให้ลูกผมตายแทน

และหากทุกคนยังจำข่าวนี้ได้ วันที่น้องเมยเสียชีวิต พ่อของรุ่นพี่คนนี้ได้ออกมาพูดว่าเพื่อนของลูกชาย ไม่รู้ว่าน้องเมยเป็นโรคหัวใจ จึงธำรงวินัยจนสลบ และในวันที่ขึ้นศาล ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ถึงความปกติทางร่างกายของ “น้องเมย” และยังบอกว่าน้องเมยไม่ได้เป็นโรคหัวใจแต่อย่างใด

ซึ่งค้านกันสิ้นเชิงกับข่าวที่ออกมาว่า น้องเมยป่วยตั้งแต่เข้ามาในโรงเรียนและมีโรคประจำตัว และหากสุดท้ายแล้วการเสียชีวิตของน้องเมยไม่มีความคืบหน้าทั้งในทางคดี หรือแม้แต่การขึ้นสู่ศาล ทางครอบครัวจำเป็นจะต้องทำหนังสือเปิดผนึกยื่นต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม เพื่อให้การทำงานของหน่วยงานต่างๆ คล่องตัวขึ้น

รวมทั้งการให้ความร่วมมือของโรงเรียนเตรียมทหาร ในการให้ข้อมูลต่างๆ โดยยังได้ยกคำพูดของคุณหมอพรทิพย์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า “เรื่องของเมย มีคนจงใจทำให้ไม่ได้ไปต่อ ”

ด้านนายพิเชษฐ พ่อน้องเมย ยังคงยืนยันความมั่นใจของตนเองว่า ตั้งแต่วันที่รับอวัยวะของลูกชายจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ไม่เคยมั่นใจว่าอวัยวะทั้งหมดเป็นของลูกชาย โดยดูจากหลายสาเหตุทั้งเรื่องการผ่าพิสูจน์ แต่กลับไม่นำอวัยวะกลับคืนร่าง รวมทั้งเมื่อครั้งเกิดเรื่อง จึงเพิ่งรู้ว่าอวัยวะลูกถูกนำออกจากร่าง โดยไม่รู้ถึงเหตุและผลของการกระทำ

เช่นเดียวกับ นางสุกัลยา ที่บอกกว่า 10 เดือนของการจากไปภาพของน้องเมย ไม่เคยหายไปจากความทรงจำ ทุกวันนี้ไม่มีวันไหนที่ยิ้มได้อย่างสบายใจ และไม่เคยจะไม่ร้องไห้ รวมทั้งยังน้อยใจที่คดีของลูกไม่คืบหน้า แม้จะพยายามเดินตามทางโดยถูกต้องทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการทำหนังสือถึงทุกจุดที่ควรทำ แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงให้รอและรอ  ซึ่งในฐานะแม่ อยากบอกกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ว่า ครอบครัวาไม่ต้องการอะไร นอกจากขอความเป็นธรรมให้กับ น้องเมยเท่านั้น

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า