Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค. เล็งพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ หลังผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงเผยคลัสเตอร์ดีเจมะตูมป่วยเพิ่ม 2 ราย สัมผัสเสี่ยงสูง 113 ราย ขณะที่กราฟโควิด-19 ไทยยังสูงล่าสุดติดเชื้อเพิ่ม 756 ราย

วันที่ 28 ม.ค.2564  พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 756 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 746 ราย แบ่งเป็นตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 22 ราย และผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 724 ราย กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 10 ราย ผู้ป่วยรวมสะสม 16,221 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 13,804 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 6,972 ราย รักษาหายแล้ว 11,287 ราย เหลือรักษาอยู่ 4,858 ราย และผู้เสียชีวิตสะสมที่ 76 ราย โดยผู้ป่วยในรอบใหม่สะสมที่ 11,984 ราย หายป่วยแล้ว 7,347 ราย ยังรักษาอยู่ 4,621 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 10 ราย และเสียชีวิตสะสม 16 ราย

ศบค.ชี้คลัสเตอร์ปาร์ตี้ดีเจมะตูม อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ ระบุมีสัมผัสเสี่ยงสูง 113 คน

ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กล่าวถึงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ (cluster) นายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูมว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดอย่างไม่เป็นทางการ ติดเพิ่มอีก 2 ราย สัมผัสเสี่ยงสูงอีกจำนวน 113 คน มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำประมาณ 53 ราย ซึ่งจะทยอยรายงานตัวเลขในสัปดาห์นี้

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้แจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ กทม. ให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพราะบางรายไปสถานที่ใกล้เคียงกัน แต่ให้ข้อมูลที่สับสน บางรายปกปิดข้อมูล ซึ่งอาจทำให้การป้องกันจะล่าช้าไม่ทันการณ์ รวมถึงกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามคำสั่ง ศบค. รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.กรณีที่บุคคลให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกัน หรือมีการปฏิเสธหรือปกปิดข้อมูลซึ่งควรต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่ง พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท รวมถึงอาจมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.กรณีสถานที่ซึ่งใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคและไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด

3.กรณีบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัด ซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพราะ กรุงเทพมหานครถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามคำสั่งศบค.ที่ 1/2564 ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน4หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ตอนนี้เกิดปรากฏการณ์สังคมลงโทษผู้ติดเชื้อ จึงอยากให้สังคมติดตามข่าว ไม่เอาอารมณ์ตัดสิน ให้กรณีนำไปสู่การป้องกันในครั้งต่อไป ต้องยอมรับว่า มีเหตุการณ์ลักษณะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา การลงโทษผู้ติดเชื้อ ไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ขอให้กฎหมายเป็นผู้ดูแล แต่ประชาชนก็สามารถเรียนรู้เพื่อหามาตรการป้องกันในต่อไป พร้อมกันนี้ได้ยกตัวอย่าง คลัสเตอร์ ห้างไอคอนสยาม มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรร่วมกันในที่เดียว 12 ราย ขณะนี้ติดเชื้อแล้ว 7 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 200 ราย จำเป็นต้องเฝ้าระวังต่อ และต้องค้นหาเชิงรุกอย่างเร่งด่วน

พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที 29 ม.ค.2564 เป็นการออกมาตรการเป็นหลักการ แต่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะประชุมเพื่อแต่ละพื้นที่ออกมาตรการเฉพาะพื้นที่ให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้มีการผ่อนคลายแล้ว แต่ในส่วนของภาคประชาชนการ์ดตกไม่ได้ ยังต้องมีการป้องกันส่วนบุคคลทั้งใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างเมื่อไปในสถานที่ต่างๆ ส่วนสถานประกอบการ กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เช่น ห้างสรรพสินค้าต้องมีการคัดกรอง ไม่จัดกิจกรรมที่ทำให้คนแห่ไปรวมตัวคับคั่ง อย่างโปรโมชั่นวันตรุษจีนก็ยังไม่ควรจัด และส่วนของชุมชน จะต้องเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการทำผิดและมีความเสี่ยง

เมื่อถามว่า กรณีนักเรียนจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดง เช่น จังหวัดสมุทรสาคร ต้องเดินทางไปเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง จะมีแนวทางปฏิบัติตัวอย่างไร

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ชี้แจงว่าในส่วนของบุคคลจะต้องมีความรับผิดชอบร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดกำหนด ขณะที่มาตรการของจังหวัดหรืออำเภอจะต้องเข้มข้น โดยเฉพาะโรงเรียนต่างๆ หากทราบว่านักเรียนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรอง ซึ่งโรงเรียนสามารถกำหนดมาตรการให้มีการเรียนการสอนที่หลากหลายได้ โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น การจัดระบบเรียนออนไลน์สำหรับนักเรียนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดการเดินทางเข้าพื้นที่ ทั้งนี้หากเป็นไปได้อยากฝากให้ทุกสถานศึกษาจัดระบบการเรียนแบบออนไลน์ควบคู้กับการเรียนปกติภายในโรงเรียน เพื่อที่ผู้ปกครองและนักเรียนจะได้มีตัวเลือกในการเรียนอย่างเหมาะสม ส่วนบางกรณีที่พบว่า แม้โรงงานจะอยู่คนละพื้นที่ แต่คนงานมีหอพักอยู่ที่เดียวกันจึงต้องฝากภาคเอกชน ช่วยกันตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังด้วย

นอกจากนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องตั้งจุดตรวจคัดกรองในเส้นทางสำคัญ จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อช่วยกันลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ และในวันพรุ่งนี้ 29 มกราคม 2564 จะมีมาตรการผ่อนคลายออกมา แต่เน้นย้ำว่าทุกคนยังต้องร่วมมือกันป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะที่สาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่งยังคงทำงานอย่างแข็งขันและตั้งการ์ดสูง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า