Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สภา ส.ส. สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงแล้ว แม้ ส.ว.จากพรรครีพับลิกันและภาคธุรกิจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

สำนักข่าว Reuters รายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18 ก.ค.62) สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 15 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 461 บาท ต่อชั่วโมง ภายในปี 2025 นับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ต่อกลุ่มลูกจ้างและแรงงาน อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นของวุฒิสภา ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่มาจากพรรครีพับลิกันและไม่ค่อยเห็นด้วยต่อการเพิ่มค่าจ้างดังกล่าวต่อไป

สภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเคโมแครตครองเสียงข้างมากได้ผ่านร่างกฎหมายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำด้วยผลโหวต 231 คะแนน ต่อ 199 คะแนน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้กับพนักงานสหรัฐฯ กว่าหลายล้านคน จากเดิมที่พวกเขาได้รับค่าแรงอยู่ที่ 7.25 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (223 บาท) หรือราว 15,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีสำหรับคนที่ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งระดับของค่าแรงดังกล่าวไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเลยตั้งแต่ปี 2009

การต่อสู้เพื่อเรียกร้องการเพิ่มค่าแรงเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ นี้ เริ่มต้นขึ้นในปี 2012 โดยกลุ่มพนักงานร้านอาหารฟาสฟู้ดในนิวยอร์ค จนสร้างแรงกระเพื่อมต่อไปยังเมืองและรัฐต่างๆ ทั่วประเทศให้ปรับขึ้นค่าจ้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีแอตเทิล ซานฟานซิสโก รัฐนิวยอร์ค แคลิฟอเนีย อาร์คันซัส และมิสซูรี

หลายปีที่ผ่านมานี้ พนักงานของบริษัทอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) และกลุ่มบริษัทค้าปลีกอย่างคอสโก (Costco Wholesale Corporation) ต่างทยอยได้รับการปรับเพิ่มค่าแรงเป็น 15 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บริษัทค้าปลีกอื่นอย่างทาร์เก็ต (Target Corporation) ก็ได้สัญญาว่าจะปรับขึ้นค่าแรงในระดับเดียวกันภายในปี 2020 และหลังจากที่สภา สส. ได้ผ่านร่างกฎหมายนี้แล้ว บริษัทฟาสฟู้ดยักษ์ใหญ่ที่เคยออกมาค้านการขึ้นค่าแรงอย่างแมคโดนัล (McDonald) ก็ออกมาบอกว่าจะยอมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับพนักงานด้วย

อย่างไรก็ตามสมาชิกพรรครีพับลิกันและบริษัทของสหรัฐฯ หลายรายต่างออกมาวิจารณ์ว่า การเพิ่มค่าแรงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของบริษัทในสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นการบังคับให้ภาคธุรกิจต้องจ้างคนจำนวนน้อยลงและนำเครื่องจักรมาทดแทนแรงงานคนที่หายไป โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันที่เป็นผู้ร่างกฎหมายรายหนึ่งอ้างรายงานจากสำนักงานงบประมาณของสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ประเมินไว้ว่าการเพิ่มค่าแรงครั้งนี้ แม้จะเพิ่มรายได้ให้กับพนักงานกว่า 17 ล้านคน แต่ในเวลาเดียวกันจะมีคนงานถึง 1.3 ล้านคนกลับต้องตกงานไป

มิตช์ แมคคอนเนลล์ (Mitch McConnell) สมาชิกวุฒิสภาอาวุโสจากพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาไม่เห็นด้วยต่อการเพิ่มค่าแรงดังกล่าว โดยกล่าวว่า “เราไม่ต้องการให้สูญเสียอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากตอนนี้เราเองก็มีปัญหาเรื่องนี้มามากพออยู่แล้ว และสิ่งนี้เองจะมาฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ดังนั้น เราจะไม่ผ่านร่างกฎหมายนี้ในวุฒิสภาเด็ดขาด”

ขณะที่ประธานสมาชิกสภา สส. จากพรรคเดโมแครตอย่างแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ได้ออกมาบอกว่า “นี่คือวันแห่งประวัติศาสตร์ ร่างกฎหมายนี้ทำให้ประชาชนของสหรัฐฯ กว่า 33 คน สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ขอถามหน่อยว่าใครละจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยค่าแรงเพียง 7.25 เหรียญต่อชั่วโมงได้ คุณหรอ?” อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนกลับเห็นว่าเรื่องกฎหมายนี้ควรที่จะใช้เวลาศึกษาถึงผลดีผลเสียอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว

ทางฝั่งของกลุ่มสหภาพแรงงานของสหรัฐฯ ที่ได้ผลักดันเรื่องการเพิ่มค่าแรงเข้าสู่วาระแห่งชาติได้ ออกมาแสดงความเห็นว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นใบเบิกทางที่สำคัญในการสร้างเสียงสนบสนุนจากบรรดาเหล่าผู้โหวตให้กับพรรครีพับลิกันในเมืองต่างๆ

ซินดี เมอร์เรย์ (Cyndi Murray) พนักงานวอลมาร์ต (Walmart) วัย 19 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มแรงงานในชื่อว่า “United For Respect” ได้ออกมาบอกว่า นี่คือก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ในการทำให้บริษัทต่างๆ ที่จ่ายค่าให้พนักงาน 15 เหรียญต่อชั่วโมง ต้องกลับมาพิจารณาเพิ่มค่าจ้างที่สูงขึ้นให้กับพนักงานด้วย โดยตอนนี้จากข้อมูลของวอลมาร์ต พวกเขาให้ค่าแรงกับพนักงานอยู่ที่ 17.20 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ (528 บาท) ต่อชั่วโมง ซึ่งรวมผลประโยชน์อื่นๆ ด้วย

“วอลมาร์ตเป็นบริษัทที่มีกลุ่มพนักงานขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่กลับจ่ายค่าแรงให้เหล่าพนักงานในระดับต่ำ จนทำให้พวกเขาต้องพึ่งพึงคูปองแลกอาหารเพื่อความอยู่รอด วอลมาร์ตจะไม่ยอมขึ้นค่าแรงหากไม่ถูกบังคับให้ทำ นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเต็มที่”

ข้อมูลจาก : House passes bill to raise federal minimum wage to $15 an hour

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า