เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยกับ KKP ประเทศไทยยังมีเสน่ห์หรือไม่

สำหรับปีนี้คงเป็นอีกปีที่ไทยเราได้ผ่านช่วงวิกฤตโรคระบาด ถึงแม้ว่าปีที่แล้วเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นที่น่าติดตามว่าทิศทางของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร

TODAY Bizview ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ซึ่งมีหน้าที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจไทยและโลกในปี 2567 ที่มากระทบกับการลงทุน และจะมาสรุปให้เข้าใจง่ายผ่านบทความนี้ 

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP)

‘ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย’ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP)  กล่าวว่า ในอดีตไทยเปรียบเสมือนสาวที่สวยที่สุดในซอย ยุคสมัยก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งประเทศไทยโตปีละ 8% กลายเป็นประเทศที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเอเชีย ประกอบกับไทยกลายเป็นผู้ผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมรถ อิเล็กทรอนิกส์และอื่นๆ 

แต่หลังปี 2508 จากที่ไทยเคยโต 5% ก่อนโควิดก็โตเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ไทยเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วที่สุดในโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ โตช้าลงไป ทำให้ไทยมีบทบาทสำคัญและความน่าสนใจลดน้อยลงในเอเชีย  จนปัจจุบันเราต้องเผชิญภาวะแก่ก่อนรวย

[ 3 สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ ]

1.ปี 2567 เศรษฐกิจโลกโดยรวมอาจโตช้าลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 2566 เพราะด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิดที่มากขึ้นในปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้อาจจะโตแบบเรื่อยๆ ไม่ได้รวดเร็ว และเราจะเห็นความแตกต่างของเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ

2.เงินเฟ้อยังคงค่อยๆ ปรับลดลงในหลายๆ ประเทศและจะทำให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศอาจอัตราดอกเบี้ยลง

3.ประเด็นสงครามที่คุกรุ่นมากขึ้นและมีปีที่มีการลือกตั้งในหลายประเทศใหญ่ คงจะกลายเป็นประเด็นที่กระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเห็นการช่วงชิงตำแหน่งระหว่างโจ ไบเดนและทรัมป์อีกครั้ง

สำหรับประเทศไทยต้องดูเรื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพราะในปีที่ผ่านมาไทยถือว่าโตกลับมาช้ามาก อ้างอิงจาก GDP ไตรมาส 3 ของปีที่แล้วที่ยังไม่กลับไปเท่าปี 2562 ก่อนโควิด สาเหตุหลักๆ เพราะรายได้ของผู้คนยังไม่ได้กลับไปที่เดิม ซึ่งหนี้ครัวเรือนและความเหลื่อมล้ำยังคงสูงอยู่

[ ทำไมหุ้นไทยราคาลง? ]

นอกจากนี้ ในเรื่องของตลาดหุ้นไทย ต้องยอมรับว่าอาจไม่ใช่ช่วงเวลาทำกำไรเท่าไหร่นัก เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยที่โตต่ำลงกับปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ ภายในประเทศ อาจจะยังคงส่งผลให้บริษัทที่จดทะเบียนสามารถทำกำไรได้ไม่เท่าเดิม และทำให้หุ้นไทยแดงดิ่ง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในโลกของการลงทุนไม่ได้จำกัดที่พรมแดนประเทศ เพราะนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทุกที่ในโลก ตลาดต่างประเทศและกองทุนอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีของช่วงเวลานี้ 

[ งานวิจัยของ KKP ]

KKP มีจุดเด่นที่นักลงทุนรู้จักกันดีคือ KKP Research บทวิจัยเศรษฐกิจและวิเคราะห์การลงทุนได้รับการยอมรับในระดับสากล ช่วยให้กลุ่มนักลงทุนหรือลูกค้าสามารถนำไปข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.พิพัฒน์ กล่าวถึงการทำงานว่า ทาง KKP มีทีมนักวิเคราะห์ ทั้งในระดับของหุ้นรายตัว รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค

โดยแม้ว่าจะงานวิจัยเหล่านี้จะครอบคลุมตลาดไทยเป็นหลัก แต่คุณภาพก็เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ถึงขนาดว่า ได้รับการนำไปเผยแพร่ต่อในฐานะส่วนหนึ่งของงานวิจัยจาก Bank of America ที่ให้บริการด้านการลงทุนครอบคลุมทั่วโลก

ยิ่งกว่านั้น ในทุกๆ ครั้งที่มีลูกค้านำบทวิเคราะห์ไปใช้และมีคำถามเพิ่มเติมสร้างโจทย์ความสงสัย สิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนกลับมาทำให้ทีม Research สร้างบทวิเคราะห์ที่ลึกขึ้นและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นไปอีก จนสามารถออกมาเป็นบทวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความเข้าใจง่าย และอัดแน่นไปด้วยข้อมูลเชิงลึก นำไปใช้ตัดสินใจได้

[ โบรกเกอร์คุณภาพ ]

ในปี 2566 ที่ผ่านมา KKP ได้รับ 4 รางวัลจาก Asiamoney Brokers Poll 2023 มอบโดย Asiamoney นิตยสารการเงินชั้นนำของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ 

1.) รางวัล Best Domestic Brokerages ซึ่งบล.เกียรตินาคินภัทรได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่สอง

2.) รางวัล Best Domestic Brokerages for Research 

3.) รางวัล Best Domestic Brokerages for Sales 

4.) รางวัล Best Economist มอบให้กับ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ซึ่งได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่สาม

ซึ่งรางวัลนี้มาจากการที่นิตยสารสำรวจและสอบถามกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อประเมินถึงคุณภาพของบริการในธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากผู้ใช้งาน

สุกิตติ์ ตั้งมณีนิมิตร กรรมการผู้จัดการ ประธานสายงานหลักทรัพย์สถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร

ทางด้าน ‘สุกิตติ์ ตั้งมณีนิมิตร’ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายงานหลักทรัพย์สถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร เผยว่า บริการซื้อขายหลักทรัพย์คือส่วนหนึ่งของธุรกิจตลาดทุนของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็นนักลงทุนสถาบัน ไม่ว่ากองทุน บลจ. บริษัทประกัน เฮดจ์ฟันด์ หรือกองทุนความมั่งคั่งเเห่งชาติ (SWF)

ด้วยเหตุนี้ บริการนี้จึงมีส่วนสำคัญในการทำหน้าที่ดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันที่ถือครองเงินเป็นจำนวนมากเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ให้ระบบเศรษฐกิจได้ประโยชน์จากเม็ดเงินคุณภาพจำนวนมากที่เเข้ามาไหลเวียน เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตลาดไทย และด้วยเหตุนั้น จึงลดต้นทุนทางการเงินให้แก่บริษัทไทยที่ต้องการระดมทุน

[ ส่งมอบบริการพรีเมี่ยม ]

ตลอดเวลาที่ KKP ให้บริการธุรกิจมา เราเป็นโบรกเกอร์ที่ส่งมอบบริการที่พรีเมี่ยม โดยมีหลักการง่ายๆ ว่าประเทศต้องดีขึ้น ลูกค้าต้องดีขึ้น ธุรกิจจึงจะดีขึ้นได้ ดังนั้น ในทุกวันทีมจึงตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกกระตือรือร้นที่จะสร้างไอเดียทางการลงทุนที่ปฏิบัติได้จริง แตกต่าง และเป็นไปตามมาตรฐานของกฎหมาย เพื่อให้นักลงทุนสถาบันเกิดความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนในไทย

และเมื่อตลาดสำคัญในโลกได้พัฒนามาสู่การใช้ Program trading หรือ Robot Trading ซึ่งแท้จริงแล้วคือระบบ automation ของการส่งคําสั่งซื้อขายให้เป็นไปตามโปรแกรมที่เทรดเดอร์ตั้งไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสภาพคล่องให้กับตลาด  KKP จึงได้เริ่มลงทุนกับเทคโนโลยีนี้มานับสิบปี 

ซึ่งวันนี้ได้ช่วยตอบโจทย์ของสภาพคล่องที่ทำให้นักลงทุนสถาบันจากนานาประเทศสนใจการลงทุนในไทยมากขึ้น โดยล่าสุดยังได้ร่วมลงนามกับ Nasdaq เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความเสี่ยงที่จะยกระดับการบริการให้ไม่เพียงรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ แต่ยังมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากลอีกด้วย

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) มุ่งมั่นทำให้เรื่องการลงทุนอยู่ใกล้ตัวของทุกคนผ่านผู้เชี่ยวชาญและบทวิจัยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ส่งต่อองค์ความรู้ไปสู่สังคม