Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ศบค. แถลงพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย รวมป่วยสะสม 3,037 ราย รักษาอยู่ใน รพ. 84 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวต ศบค.แนะสวมหน้ากากตลอดเวลา ลดการเดินทางไปจุดเสี่ยง

วันที่ 21 พ.ค.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย

– พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 3 ราย (สะสมรวม 3,037 ราย)
– กลับบ้านแล้ว 2,897 ราย (เพิ่ม 9 รายจากเมื่อวาน)
– ยังรักษาใน รพ. 84 ราย (ลดลง 6 รายจากเมื่อวาน)
– เสียชีวิต 0 ราย (ยอดสะสม 56 ราย)

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 3 รายนั้น 2 รายแรกอยู่ในระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ เกิดจากการไปสถานที่ชุมชน ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานพยาบาล โดยรายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 72 ปี มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน มะเร็งปอด ไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา มีประวัติไปตัดผมที่ร้านแถวประชาชื่น ต่อมา 18 พฤษภาคม 63 มีอาการไข้ ไอ มีเสมหะ จึงไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และได้ย้ายมาโรงพยาบาลรัฐเดิมที่รักษาตัวอยู่ วันที่ 20 พฤษภาคม 63 แล้วตรวจพบเชื้อ ซึ่งผู้สูงอายุ 72 ปีรายนี้มีโรคประจำตัวที่ต้องไปโรงพยาบาล 1 แห่ง และไปร้านตัดผม 1 แห่ง รวมเป็น 2 แห่งที่เป็นพื้นที่ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในรายนี้

ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นผู้ป่วยชายอายุ 42 ปี สัญชาติเยอรมัน ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการ มีประวัติเดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน ถึง 16 พฤษภาคม โดยวันที่ 8 พฤษภาคม 63 มีญาติหนึ่งคนมีอาการไข้ คอแห้ง แต่ไม่ได้ไปตรวจรักษา ถือเป็นปัจจัยที่ 1 จากนั้น ชายคนนี้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าในชัยภูมิ เป็นปัจจัยที่ 2 หลังจากกลับมา ได้ไปตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน ผลตรวจยืนยันพบติดเชื้อวันที่ 18 พฤษภาคม 63 ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งรายที่ 2 นี้อยู่กรุงเทพฯ แต่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด แล้วไปสัมผัสกับคนมีอาการไข้ และไปห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีความสงสัยว่าที่จังหวัดชัยภูมิอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ชายคนนี้ติดเชื้อมา ฉะนั้น มาตรการผ่อนคลายทั้งหลายยังมีความจำเป็น การไปห้าง ไปตัดผม ไปทำอะไรก็ตาม เกิดขึ้นในช่วงที่เริ่มมีการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องไปตรวจสอบ หากลงทะเบียนยังไม่ทันก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ถ้าลงทะเบียนแล้ว ประโยชน์ของการใช้ไทยชนะจะตามคนที่เกี่ยวข้องมาตรวจได้ง่าย ไม่ต้องไปจับคนกลุ่มก้อนใหญ่มาตรวจ เช่นเดียวกับการไปร้านตัดผมแถวประชาชื่น ถ้ามีช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ทีมสอบสวนโรคสามารถเข้าไปได้ ก็จะได้เห็นการใช้แพลตฟอร์มนี้ในการมาทำงาน

และผู้ป่วยรายที่ 3 เดินทางกลับจากต่างประเทศ เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี ไปเรียนภาษาแล้วเดินทางกลับจากประเทศฟิลิปปินส์วันที่ 13 พฤษภาคม 63 เข้าพักที่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ ตรวจพบเชื้อวันที่ 19 พฤษภาคม 63 ไม่มีอาการใด ๆ ทั้งนี้ มีผู้ที่เดินทางกลับจากฟิลิปปินส์ 171 คน เพิ่งมีบวกรายนี้ 1 ราย เท่ากับกลุ่มของเนเธอร์แลนด์และอื่น ๆ ที่มีตัวเลข 1 ราย

[คำถามที่น่าสนใจ]
1. หน่วยงานใดดูแลแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จะมั่นใจอย่างไรว่าจะไม่นำข้อมูลไปทำอย่างอื่น
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ยืนยันว่าข้อมูลของประชาชนที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จะถูกรวบรวมไว้ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นเวลา 60 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เคยมีการติดเชื้อถึง 4 รุ่น และเมื่อครบกำหนดชุดข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบและไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนสแกน QR Code ผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เมื่อเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อ หากไม่ใช้วิธีการสแกน QR Code ก็จะต้องลงทะเบียนด้วยการจดบันทึกก่อนเข้าใช้สถานบริการ

กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อายุ 72 ปี เข้าใช้บริการร้านตัดผมย่านประชาชื่น ทีมสอบสวนโรคจึงต้องทำการตรวจหาผู้ป่วยเพิ่มเติมจากชุดข้อมูลของประชาชนคนอื่นที่เข้าใช้บริการร้านตัดผมในวันเดียวกัน ระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ถ้าร้านตัดผมลงทะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” และผู้เข้าใช้บริการทุกคนสแกน QR Code ก่อนเข้าใช้บริการ ก็จะทำให้สะดวกต่อการสอบสวนโรคมากยิ่งขึ้น และสามารถนำบุคคลที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เป็นการลดความกังวลของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะสามารถระบุพื้นที่ได้อย่างชัดเจน สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ไวขึ้น โฆษก ศบค. ยืนยันว่าแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการเงินของผู้ประกอบกิจการได้อย่างแน่นอน

ข้อสงสัยกรณีหากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วจะสามารถติดเชื้อได้นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รักษาหายมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่าคนทั่วไป รวมถึงทางการแพทย์จำเป็นต้องใช้พลาสมาจากผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายแล้วเพื่อทำการรักษาผู้ป่วยคนอื่น เพราะได้มีการทดลองฉีดวัคซีนกับผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหาย พบว่าไม่ติดเชื้อซ้ำเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันแล้ว จึงอยากให้ทุกคนสร้างความเข้าใจใหม่ว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจะไม่เป็นบุคคลที่แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

2. กรณีกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดที่ได้มีการระบุว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้

นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า ร้านนวดเป็นหนึ่งในกิจการจากหลายกิจการที่รอเปิดให้บริการในระยะต่อไป ไม่ว่าจะระยะที่ 3 หรือระยะอื่น ๆ ที่เหมาะสม โดยในขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมดว่ากิจการต่าง ๆ จัดอยู่ในระยะใดบาง ซึ่งหากจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อคงที่ ไม่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะสามารถเปิดให้บริการในระยะต่อไปได้  ขณะเดียวกันถ้าเกิดความประมาททำให้จำนวนตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น ก็จะยังไม่สามารถเปิดให้บริการในระยะต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านนวด หากต้องการอยู่ในระยะที่ 3 ให้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรการหลักทั้ง 5 ข้อ รวมถึงการเพิ่มมาตรการอื่น ๆ เพื่อความปลอดภัยได้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของกิจการตนเอง ให้มั่นใจได้ว่าหากมีการเปิดให้บริการแล้ว กิจการของตนจะไม่เป็นที่แพร่กระจายของเชื้อได้อย่างแน่นอน

3. จากกรณีการเปรียบเทียบระหว่างการเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้า ขณะที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ

โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า สถานศึกษาและห้างสรรพสินค้ามีความแตกต่างกัน โดยห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีกิจการหรือกิจกรรมที่มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลแนะนำเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะที่การศึกษาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แต่มีความต่างกันที่กลุ่มของเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบาง มีความเสี่ยง โดยตามลักษณะของเด็กที่ชอบเล่น สัมผัสกัน รวมทั้งโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้ได้รับเชื้อต่าง ๆ ได้โดยง่าย ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวที่เป็นช่วงหน้าฝน เกิดการเปลี่ยนของฤดูกาลอาจจะทำให้เกิดไข้หวัดได้ และซึ่งหากเด็กมีการสัมผัสกันทำให้ได้รับเชื้อต่าง ๆ อาจมีความเสี่ยงนำไปติดผู้สูงอายุที่บ้านทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น นักวิชาการได้ทำการศึกษากันมาอย่างดี รวมถึงชุดข้อมูลจากต่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการศึกษาทั้งหมด ดังนั้น จุดที่มีความเสี่ยงจะต้องชะลอการเปิด เมื่อมั่นใจก็สามารถเปิดได้ ทั้งนี้ การเรียนต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกจุด รวมถึงพัฒนาการของเด็กที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ถึงแม้ว่าจะมีความติดขัดในเรื่องของผู้ปกครองที่ต้องดูแล แต่ขณะนี้มาตรการต่าง ๆ กำลังเริ่มผ่อนคลายและหาทางกลับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับ ปรับตัว เพื่อความปลอดภัยและปลอดโรค

ขณะเดียวกันการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) ยังคงเป็นมติของคณะรัฐมนตรี โดยจากการประชุม ศบค. ที่ผ่านมา ผอ. ศบค. ยังยืนยันว่าการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างน้อย 50% ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งการเหลื่อมเวลาปฏิบัติงานที่จะต้องมีหลายช่วงเวลา ยืนยันมาตรการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างมาก ขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ให้ปฏิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องอยู่กับเราไปอีกนาน

การร่วมมือของทุกคนจะทำให้เรามีชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุขได้ด้วยกัน ขณะเดียวกันการ์ดอย่าตก พร้อมแนะวิธีสวมใส่หน้ากากที่ถูกต้องให้ครอบคลุมทั้งจมูกและปาก โดยไม่ควรปรับลงมาไว้ใต้คางซึ่งล้วนไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า