Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้พิพากษาให้นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดใน 7 ข้อหาที่ทางอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง รวมแล้วนายนาจิบโดนยื่นฟ้องทั้งสิ้น 42 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินจากกองทุน 1MDB เท่ากับว่ายังเหลืออีก 35 ข้อหาที่ต้องรอการตัดสินต่อไป

แต่สำหรับ 7 คดีแรกนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาโดยระบุว่าหลักฐานของทางอัยการสามารถพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีความผิดจริงโดยปราศจากข้อสงสัย (beyond a reasonable doubt) ซึ่งอาจมีผลต่อการการตัดสินในข้อหาอื่นๆ ที่เหลือได้

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของศาลชั้นต้นเท่านั้น โดยนายนาจิบประกาศชัดว่าเขาจะยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีต่ออย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เคยประกาศจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปจากกองทุน 1MDB และถูกนำเข้าสู่กระบวนการฟอกเงินโดยนายนาจิบและพวก ว่ามีถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้จะมีหลักฐานมัดตัวค่อนข้างแน่นหนา แต่อดีตนายกฯ นาจิบ ก็ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเขาถูกชี้นำผิดๆ จากนายโจ โลว์ นักการเงินชาวมาเลเซียที่ถูกออกหมายจับในหลายประเทศ ที่บุตรบุญธรรมของนายราจิบแนะนำให้รู้จัก

สำหรับคดีนี้เป็นเพียง 1 ในอีกหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับกองทุนอื้อฉาวอย่าง 1MDB ที่ถูกจัดให้เป็นการฉ้อโกงระดับโลกและเกิดการสืบสวนขึ้นในหลายประกาศ ที่ผ่านมาได้มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นมาแล้ว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจของสหรัฐฯ ที่เป็นผู้ออกพันธบัตรให้กองทุน ได้บรรลุข้อตกลงในกระบวนการไกล่เกลี่ยกับรัฐบาลมาเลเซียชุดปัจจุบันของนายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน โดยยินยอมที่จะจ่าย 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.2 แสนล้านบาท) ซึ่งจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะถูกจ่ายเป็นเงินสด และส่วนที่เหลืออย่างน้อย 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมาในรูปแบบของสินทรัพย์ที่ยึดมาได้

ก่อนหน้านี้ในปี 2019 โกลด์แมนเสนอเงินเพียง 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นเพื่อขอยุติคดี แต่รัฐบาลชุดก่อนต้องการเงินชดเชย 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้นำมาสู่การบรรลุข้อตกลงนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯ ซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามได้แสดงความไม่เห็นด้วยในข้อตกลงไกล่เกลี่ยครั้งนี้ โดยเชื่อว่าเงินจำนวนดังกล่าวน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก อีกทั้งในส่วนของทรัพย์สิน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นส่วนที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จำเป็นต้องส่งมอบคืนอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าประชาชนชาวมาเลเซียเป็นฝ่ายเสียเปรียบในข้อตกลงนี้

และย้อนกลับไปเมื่อเดือนพ.ค. ก็มีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้นระหว่างอัยการกับนายริซา อาซิซ บุตรบุญธรรมของนายนาจิบ ที่ถูกกล่าวหาว่านำเงินที่ยักยอกไปสร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘The Wolf of Wall Street’ โดยนายริซายินยอมที่จะจ่ายเงินชดเชยจำนวน 107.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แลกกับการถอนฟ้องที่เรียกร้องเงิน 248.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ถูกเปิดเผยให้สาธารณชนทราบแต่อย่างใด มีเพียงคำกล่าวของอัยการที่บอกว่าหากนายริซาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ทางอัยการก็พร้อมจะยื่นฟ้องใหม่อีกครั้ง

แม้ว่าการตัดสินคดีในวันนี้จะพิพากษาให้นายนาจิบมีความผิด แต่นักวิเคราะห์และฝั่งตรงข้ามทางการเมืองยังมองว่า มีความเป็นไปได้ที่การตัดสินคดีครั้งนี้เป็นเพียงกระบวนการประวิงเวลาเท่านั้น เพราะถึงแม้นายนาจิบจะกลายเป็นผู้มีคดีติดตัวจนไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ แต่ก็ยังคงสามารถบัญชาการอยู่ในเบื้องหลังต่อไป และมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาเป็นผู้บริสุทธิ์ในขั้นตอนของศาลอุทธรณ์ ซึ่งคงต้องมีการจับตาดูกันต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า