SHARE

คัดลอกแล้ว

นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่ไทยอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีหลักการและเหตุผลใน 6 ข้อ พร้อมแนะนำวางแผนจัดการล่วงหน้า

1. ปัญหาการระบาดซ้ำระลอกสองของไทยนี้หนักกว่าระลอกแรก ดังจะเห็นได้จากจำนวนการติดเชื้อที่สูงมากกว่าเดิมหลายเท่า ดังจะเห็นได้จาก 15 มีนาคม 2563 ถึง 15 เมษายน 2563 มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2,529 คน ในขณะที่ 19 ธันวาคม 2563 ถึง 19 มกราคม 2564 มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 8,594 คน

2. การระบาดครั้งนี้ กระจายไปทั่วประเทศ และมีทั้งการติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงมากมายหลายกลุ่มในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่คนไทยและแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง ปาร์ตี้บิ๊กไบค์ สถานบันเทิง บ่อนการพนัน โรงงาน และที่น่ากลัวคือการติดเชื้อจากการดำเนินชีวิตประจำวันของคนทั่วไปในสังคม ดังจะเห็นได้จากการติดเชื้อในหมู่สมาชิกในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย ที่ทำงานหรือระหว่างการทำงานที่ไปพบปะลูกค้ามากหน้าหลายตา ตลอดจนการเดินทางของผู้ติดเชื้อที่กระจายตัวไปทุกที่่ ทั้งห้าง ตลาด โรงหนัง วัด งานสังคมหลากหลายชนิด รวมถึงธนาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ

3. มาตรการที่ดำเนินการไปนั้น ยังไม่อาจหยุดการเคลื่อนที่ของประชากรทั้งกลุ่มเสี่ยงและคนทั่วไปได้ แม้จะมีการรณรงค์ขอความร่วมมือมากมาย ก็ได้เพียงบรรเทา แต่ไม่สามารถหยุดวงจรการแพร่ระบาดได้อย่างแท้จริง

4. เคสติดเชื้อจำนวนมาก ไม่ได้ถูกตรวจในระบบที่รัฐดำเนินการ สังเกตได้จากประวัติการตรวจพบว่าติดเชื้อ เพราะเดินทางไปขอตรวจเอง เนื่องจากกังวล สงสัย หรือมีอาการมาสักช่วงเวลาหนึ่งแล้วไม่หาย สะท้อนถึงข้อจำกัดของระบบการตรวจคัดกรองเชิงรุกที่ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่อย่างเพียงพอ ประกอบกับตัวเลขจำนวนการตรวจโรคต่อประชากร 1,000 คนของไทยนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก และเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีอัตราการตรวจพบว่าติดเชื้อจากการส่งตรวจพอๆ กับไทย ก็มีจำนวนการตรวจมากกว่าไทยหลายเท่า เช่น เกาหลีใต้ เป็นต้น
5. ที่น่าห่วงมากคือ ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อย ที่แพร่ไปให้ผู้อื่นในสังคม จากการประพฤติปฏิบัติที่เกิดความเสี่ยง ทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงาน ตะลอนไปหลายต่อหลายที่ สังสรรค์ปาร์ตี้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ รู้ทั้งรู้ว่าไปพื้นที่เสี่ยงมาแต่ไม่กักตัวอย่างเคร่งครัด หรือบางคนขนาดมีอาการคล้ายไข้หวัด ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์กันมากมายว่าเป็นอาการโควิดได้ ก็ยังดำเนินชีวิตไปแบบปกติ จนเวลาผ่านไปหลายวันจึงค่อยไปตรวจ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่วงกว้าง ยากที่ระบบการติดตามค้นหาผู้สัมผัสความเสี่ยงจะตามได้อย่างครบถ้วน และทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ไปหลายระลอก

6. การค้นหาเชิงรุกในลักษณะทำการสุ่มตรวจนั้น เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่บ้านเมืองปกติ โรคระบาดควบคุมได้ดีแล้ว เพื่อการเฝ้าระวัง ดูจุดที่อาจมีความเสี่ยง แต่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มีโรคระบาดกระจายไปทั่ว ดังที่เห็นอยู่ในหลายจังหวัดตอนนี้ และหากทำการสุ่มตรวจ เพื่อจะนำมาใช้กำหนดมาตรการผ่อนคลาย อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแปลผลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง นอกจากนี้หากสื่อสารสาธารณะก็อาจทำให้ risk perception ลดลง และก่อให้เกิดความประมาทในการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยต้องไม่ลืมว่าประชาชนจากต่างพื้นที่ยังสามารถเดินทางไปมาหากันระหว่างจังหวัดได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง ตัดสินใจให้รอบคอบ

ฉากที่เราอาจเผชิญได้ในอนาคตและควรพิจารณาวางแผนจัดการล่วงหน้า

1. พลุใหญ่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเมือง และเขตอุตสาหกรรม หากไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้

2. ภูมิศาสตร์การระบาดของโรค หรือ epidemic geography ของประเทศจะเปลี่ยนไปในระยะยาว เนื่องจากจะมีการติดเชื้อรายวันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ จากการที่ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ หากพื้นที่ใดติดเชื้อบ่อยหรือมาก อาจได้รับการตีตราเป็นแดนดงโรคหรือพื้นที่เสี่ยง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย และระบบธุรกิจอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวในระยะยาวได้

3. การระบาดซ้ำซากอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในลักษณะที่ระลอกสองถูกกดลงในระดับหลักหน่วยหรือหลักสิบหรือหลักร้อย โดยระยะเวลาและความรุนแรงจะแปรผันตามระดับที่กดได้

แนวทางการเตรียมรับมือ
1. ขยายระบบบริการตรวจโควิดให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะตรวจประชากรได้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อคนต่อปี
2. ปฏิรูปรูปแบบธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ ท่องเที่ยว อาหาร และสถานบันเทิง ให้เน้นความปลอดภัยอย่างถาวร เพราะศึกนี้มีแนวโน้มจะต้องสู้ระยะยาว
3. รูปแบบการทำงานในสถานที่ทำงานทุกประเภท จำเป็นต้องขันน็อตเรื่องความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง”สถานพยาบาล”ทุกแห่ง การตรวจคัดกรองโรคจำเป็นต้องทำในผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลและก่อนผ่าตัด
4. ประชาชนควรตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหา และวางแผนการใช้ชีวิต การทำงาน และการจัดการการเงินให้ดี จำเป็นต้องประหยัดเท่าที่สามารถจะทำได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ป้องกันตัวอย่างเต็มที่ ใส่หน้ากากเสมอ ไม่ตะลอนโดยไม่จำเป็น อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร ล้างมือทุกครั้งที่จับสิ่งของสาธารณะ ไม่กินดื่มในร้าน ซื้อกลับบ้านดีที่สุด ลดละเลี่ยงงานกิจกรรมสังคมที่มีคนเยอะๆ และคอยสังเกตอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัว หากไม่สบาย ต้องหยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา

ขอบคุณภาพจาก https://www.hfocus.org/quote/2018/10/16477

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า