‘รังสิมันต์ โรม’ ปูด ตั๋วตำรวจพัวพันโยกย้าย ทำคนตั้งใจทำงานเสียกำลังใจ

‘รังสิมันต์ โรม’ ปูด ตั๋วตำรวจพัวพันโยกย้าย ทำคนตั้งใจทำงานเสียกำลังใจ ลั่นรู้ว่าอภิปรายวันนี้อันตรายที่สุดในชีวิต แต่ไม่เสียใจ ด้าน ‘ประวิตร’ ’ยืนยันทำทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนและกฎหมาย

วันที่ 19 ก.พ. 2564 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลช่วงหนึ่งว่า สาเหตุที่ต้องอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากบริหารราชแผ่นดินล้มเหลวและไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจ นับตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.ประวิตรกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบงการการแต่งตั้งโยกกย้ายตำแหน่งจนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ ใช้เส้นสายในวงการตำรวจ และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากำกับดูแลด้วยตนเอง ก็ยังปล่อยให้คนเหล่านั้นลอยนวลต่อไป ทำให้วงการตำรวจเพิกเฉยต่ออาชญากรรม กระทำกับผู้บริสุทธิ์ เปิดบ่อนไม่ว่า ค้ายาไม่สอบ แต่เจอเจ้าพ่อนอบน้อม พอเจอม็อบสู้ตาย

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แต่กลับละเลยจนเกิดปัญหาเรื่องตั๋วตำรวจ มีการทำหนังสือราชการเป็นตั๋วจากคนที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอสนับสนุนการขอรับตำแหน่งให้กับนายตำรวจบางนาย ทั้งๆ ที่การแต่งตั้งมีขั้นตอนตามกฎระเบียบและกฎหมายอยู่แล้ว อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรรับทราบเรื่องนี้หรือไม่ นอกจากนี้ นายตำรวจบางนายเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ก.ตร. ทำให้คนทำงานเสียกำลังใจ และทำลายระบบคุณธรรมของตำรวจ ซึ่งความไม่เป็นธรรมในวงการตำรวจนั้น ผลักให้ตำรวจจำนวนมากต้องเข้าสู่วงจรอุบาทว์ ซึ่งสุดท้ายจะหันกลับมาทำร้ายสังคมไทยในที่สุด

“การทำหน้าที่ของผมในวันนี้ เป็นการทำหน้าที่ที่อันตรายที่สุดในชีวิต แต่เมื่อประชาชนเลือกผมมาแล้ว ผมก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ผมไม่รู้ว่า ผลจากการทำหน้าที่ในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ไม่รู้ว่า 3 วันข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ไม่รู้ว่า 3 เดือนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ จะยังพูดแทนประชาชนได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่เสียใจที่ได้ทำหน้าที่ของผมในวันนี้” นายรังสิมันต์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นายรังสิมันต์อภิปรายนั้น ได้มีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ซึ่งสลับกันขึ้นทำหน้าที่ประธานในการประชุมนั้น ต้องกำชับเป็นระยะว่า พยายามอย่าพาดพิงถึงบุคคลภายนอก หากยังมีการพูดพาดพิงบุคคลภายนอกอีก จะไม่อนุญาตให้อภิปรายต่อ นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอีกหลายคน ลุกขึ้นประท้วงขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็นเป็นระยะๆ อีกด้วย อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ขอให้ประธานในที่ประชุม พิจารณาใช้ข้อบังคับไล่ออกจากห้องประชุม ทำให้ส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุมเช่นกันว่า ปล่ยอให้ส.ส.รัฐบาลประท้วงจนทำให้การอภิปรายไม่ต่อเนื่อง

ด้าน พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ช่วงที่ตนเป็นประธาน ก.ตร.นั้น ยืนยันว่าทำตามระเบียบของกรมตำรวจ ระเบียบขั้นตอนของ ก.ตร. รวมถึงกฎหมายทุกอย่าง เราทำทุกอย่างตามขั้นตอน และตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้