Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

แอมเนสตี้สรุปรายงานจากการลงพื้นที่ 14 วันในเมืองคาร์คิฟของยูเครน ชี้รัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม ใช้อาวุธต้องห้ามทำให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติเปิดเผยรายงานที่ชื่อว่า Anyone can die at any time’: Indiscriminate attacks by Russian forces in Kharkiv, Ukraine (ใครๆ ก็สามารถเสียชีวิตในเวลาใดก็ได้ : การโจมตีแบบไม่เลือกเป้าโดยกองทัพรัสเซียในเมืองคาร์คิฟ ประเทศยูเครน) ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2022 ซึ่งพบหลักฐานว่ารัสเซียได้ใช้อาวุธต้องห้ามในพื้นที่ดังกล่าว

จากการลงพื้นที่เป็นเวลา 14 วันในช่วงเดือนเม.ย.และเดือนพ.ค. ทีมวิจัยของแอมเนสตี้พบว่ากองทัพรัสเซียมีการใช้ระเบิดพวง (cluster munitions) และทุ่นระเบิดชนิดกระจาย (scatterable mines) ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามในอนุสัญญาระหว่างประเทศ เนื่องจากก่อให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้แบบไม่เลือกเป้าหมาย

อย่างในกรณีของระเบิดพวง คือระเบิดที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็กไว้ภายในจำนวนมาก มีอัตราความคลาดเคลื่อนผิดพลาดจากเป้าหมายและไม่ระเบิดสูง จึงทำให้ลูกระเบิดขนาดเล็กตกค้างบนพื้นดิน และอาจก่อให้เกิดความเสียหายในภายหลังได้

และถึงแม้ว่ารัสเซียจะไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวง และอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แต่กฎหมายสิทธิมนุษยชนนานาชาติได้สั่งห้ามไม่ให้โจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย หรือใช้อาวุธที่สามารถโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมายได้โดยธรรมชาติ โดยการโจมตีในลักษณะนี้ยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของพลเรือน หรืออาจทำลายทรัพย์สินของพลเรือนได้ ซี่งนับเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

โดนาเทลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการตอบสนองต่อวิกฤตของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ผู้คนในเมืองคาร์คิฟต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายร้อยคน

มีคนถูกฆ่าในบ้านของตนเองและตามท้องถนน ในสนามเด็กเล่นและในสุสาน รวมไปถึงผู้คนที่กำลังต่อแถวเพื่อรับความช่วยเหลือด้านมนุษยชน หรือตอนที่กำลังซื้ออาหารและยาอยู่ 

การใช้อาวุธที่ถูกแบนเป็นวงกว้างอย่างระเบิดพวงเป็นสิ่งที่ช็อกมาก และเป็นข้อบ่งชี้ถึงการไม่สนชีวิตพลเรือน กองทัพรัสเซียที่มีส่วนรับผิดชอบในการโจมตีที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้จะต้องถูกเอาผิดจากการกระทำของพวกเขา ขณะที่เหยื่อและครอบครัวต้องได้รับการชดเชยอย่างเต็มที่

เนื้อหาในรายงานฉบับนี้นับว่าตรงกันข้ามกับสิ่งที่รัสเซียพยายามกล่าวอ้างมาโดยตลอด ว่าไม่ได้มีการเล็งเป้าไปที่พลเรือน และกล่าวหาว่ายูเครนสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า