จีน-สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วม ประกาศจับมือกันสู้ Climate Change กลางเวทีประชุม COP26

ผู้แทนจากจีนและสหรัฐฯ ประกาศความร่วมมือในการประชุม COP26 พร้อมร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

วันที่ 10 พ.ย. 2021 เว็บไซต์อัลจาซีรา (Al Jazeera) รายงานการประกาศความร่วมมือกันของจีนและสหรัฐฯ ในการเพิ่มความพยายามเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่างการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ของสกอตแลนด์

การที่จีนและสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่ที่ออกมาตามหน้าสื่อมักจะเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่ลงรอยกันเสียเป็นส่วนใหญ่

แต่ในเวที COP26 ปีนี้ ทั้งสองชาติซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด 2 อันดับแรก ตัดสินใจประกาศร่วมกันให้โลกรู้ว่า การจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ทั้งคู่ควรจะยุติความขัดแย้งเอาไว้ก่อน

เซี่ย เจิ้นหัว ผู้แทนจากจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาด้านสภาพอากาศ กล่าวถึงการประกาศครั้งนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ถึงช่องว่างที่มีอยู่ ระหว่างความพยายามในตอนนี้ กับเป้าหมายที่ระบุไว้ในความตกลงปารีส ดังนั้นทั้งคู่จะร่วมมือกันเพื่อลงมือทำในด้านสภาพอากาศให้มากขึ้น

โดยผู้แทนจากจีนยังย้ำว่า จีนและสหรัฐฯ มีความเห็นตรงกันในประเด็นนี้มากกว่าความเห็นที่แตกต่างกัน

ขณะที่ จอห์น เคอร์รี ผู้แทนด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนและสหรัฐฯ มีความเห็นแตกต่างกันในหลายๆ เรื่อง แต่ในเรื่องสภาพอากาศ การร่วมมือกันเป็นหนทางเดียวที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้

ตามแถลงการณ์ระบุว่า ทั้งสองชาติจะเพิ่มความร่วมมือกันตลอดทศวรรษนี้ โดยใช้ความตกลงปารีสเมื่อปี 2015 เป็นแนวทาง และจะปฏิบัติตามเป้าหมายใหม่ในการลดก๊าซเรือนกระจก ที่จะประกาศอีกครั้งในปี 2025

โดยหัวข้อหลักๆ ที่จะมีการออกมาตรการมาควบคุม มีทั้งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการปล่อยก๊าซมีเทน และลดการตัดไม้ทำลายป่า

เจนนิเฟอร์ มอร์แกน ผู้อำนวยการบริหารของกรีนพีซ อินเตอร์เนชันแนล ออกมาแสดงความรู้สึกยินดีกับความร่วมมือของจีนและสหรัฐฯ แต่ยังมองว่า เนื้อหาในประกาศยังไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องจากประเทศที่ได้รับผลกระทบ ที่ต้องการให้แต่ละชาติกลับมาตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี จนกว่าการลดอุณหภูมิโลก 1.5 องศาเซลเซียสจะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

ทางด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ชี้ว่าประกาศครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง