4 คน 4 พรรค เห็นด้วยถึงเวลาแก้ รธน. วุฒิสภาต้องเลือกตั้งหรืออาจไม่ต้องมี

ตัวแทนพรรค 4 พรรค ภูมิใจไทย-ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ร่วมถกข้อเสนอผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก  เห็นด้วยถึงเวลาแก้รัฐธรรมนูญส่วนวุฒิสภาระยะยาวต้องเลือกตั้งหรืออาจไม่ต้องมี

วันที่ 17 ส.ค. 2563 workpointTODAY พูดคุยกับตัวแทนจาก 4 พรรคการเมือง ถึงทิศทางการเมืองหลังการชุมนุมและมีการเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งไปร่วมรับฟังการชุมนุมมา 5-6 เวที กล่าวว่า เห็นด้วยกับ 3 ข้อเรียกร้อง หยุดคุกคาม, แก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาเลือกตั้งใหม่ การแก้รัฐธรรมนูญน่าจะเป็นทางออกประเทศ ส่วนการจะให้ ส.ว.สิ้นสุดภายในเดือน ก.ย. ไม่มั่นใจว่ากฎหมายที่มีจะสามารถทำได้หรือไม่ แต่เข้าใจผู้เรียกร้องที่ต้องการให้ ส.ว.สิ้นสุดเร็วที่สุด
ในพรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหาในการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ได้มีการหารือกันว่าจะแก้แบบยกร่างทั้งหมดหรือแก้รายมาตรา ซึ่งส่วนตัวของตนเห็นด้วยกับมี สภาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นทางออกที่เป็นกลางที่สุด

กรณีของ ส.ว.ในภาวะปกติอาจจะมีความจำเป็นต้องมี ในการร่วมพิจารณากฎหมายในกรณีรัฐบาลเสียงข้างมากจนเกินไปจนฝ่ายค้านไม่สามารถคัดค้านได้ก็ยังมีอีกสภาไว้ถ่วงดุล ส่วนที่มาเห็นด้วยกับการมาจากการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องทำให้การเลือกตั้ง ส.ว. สังคมไม่คลางแคลงใจเรื่องการเป็นสภาผัวเมีย ที่มีการอิงกับพรรคการเมือง

นายปดิพันธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหลักตั้งแต่หาเสียง เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการนำมาทำให้เป็นรูปธรรม และทุกคนรู้ผลร้ายของรัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว ว่าเป็นกลไกที่ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายทั้งก่อนและกลังเลือกตั้ง กลไกองค์กรอิสระทำให้เกิดความขัดแย้ง เราเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ชอบธรรมตั้งแต่ที่มาที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม เนื้อหาก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ส่วนที่มาจากการแต่งตั้งไปคอนโทรลอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง ระยะสั้งมีความจำเป็นต้องแก้ก่อนยุบสภา แต่ระยะยาว ต้องมี ส.ส.ร.ที่ชอบธรรม ในการมาร่างรัฐธรรมนูญและเกิดกระบวนการมีส่วนร่วม เป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องตรงประเด็น

เรื่อง ส.ว. ในระยะสั้น พรรคก้าวไกลจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 269-272 เพื่อให้ ส.ว.หมดอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีและอำนาจอื่นๆ ส่วนอนาคต ส.ว.จะยังจำเป็นหรือไม่ คงจะต้องถกเถียงกันใน ส.ส.ร. ว่าการมีเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอหรือไม่ โดยฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การถกเถียงที่เป็นฉันทามติ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีของเยาวชนปลดแอก ที่กลายมาเป็นประชาชนปลดแอก แอกคือสิ่งที่กดทับโดยเขาไม่มีสิทธิ์เลือก เขาต้องการสลัดออกไปและประกาศความเป็นอิสระ การแก้รัฐธรรมนูญเป็นวิธีดับทุกข์ เหตุแห่งทุกข์คือ กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการทำประชามติที่ไม่ชอบด้วยประชาธิปไตย มีการสกัดกั้นให้รณรงค์ไม่ได้ วันนี้สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ไทยแล้ว เพื่อไทยไม่ติดยึดว่าจะแแก้อย่างไร แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ถ้าไม่แก้อาจจะไม่ได้แก้

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญถ้าเร็วคือแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราไม่ให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และแก้เรื่องกติกาการเลือกตั้งให้กลับไปใช้ระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ แบบแบ่งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนฉบับถาวร ถ้าจะมี ส.ว.ต้องให้ประชาชนเป็นคนเลือก ไม่ใช่ลากตั้ง

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญนี้ตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเข้ามาในกฎเกณฑ์กติกาทางการเมืองและแพ้เลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรค และมีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก่อนจะเข้าร่วมรัฐบาล

อุดมการณ์ของพรรคชัดเจนว่าเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อเป็นหัวหอกนำในการแก้รัฐธรรมนูญ การเข้าร่วมรัฐบาลไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เอาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและพรรคเก็นว่าต้องแก้มาตรา 256 สะเดาะกุญแจแรก ทำให้การแก้อย่างอื่นสะดวกขึ้น ส่วนตัวของตนเห็นว่าควรแก้มาตราอื่นๆ เพื่อการเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เห็นด้วยตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะเรื่องการให้ ส.ว.มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยไม่ใช่ประชาธิปไตย

ส่วนเรื่องการยุบสภา ทางออกของประเทศคือต้องร่วมมือกันแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภาต้องดำเนินการหลังจากที่มีการแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก่อน ถ้ารีบร้อนยุบสภาใช้รัฐธรรมนูญเดิมก็คงไม่ได้บรรลุเป้าหมาย

ขณะที่เรื่องของ ส.ว.อย่างที่ตนบอกว่าไม่ควรเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยังเห็นว่ายังต้องเพื่อมีมีบทบาทในการถ่วงดุลการทำงานนิติบัญญัติ ส่วนที่มาเห็นด้วยกับหลายคนที่เสนอว่า ในระยะกลางระยะยาวต้องมาจากการเลือกตั้ง

นอกจากนั้นทั้ง 4 คนยังได้แสดงความเห็นต่อเรื่องของการชุมนุมของนักเรียน-นักศึกษาด้วย

ชมรายการฉบับเต็ม