สิงคโปร์ยกระดับเข้มฉีดวัคซีนโควิด ใครไม่ฉีดให้ไปหางานที่เหมาะสมทำแทน เปิดทางบริษัทไล่ออกได้

สิงคโปร์ยกระดับกดดันพนักงานไปฉีดวัคซีนโควิด ปิดทางคนไม่ฉีดใช้ผลตรวจโควิดเป็นข้ออ้างเข้าออฟฟิศ จำกัดสิทธิ์ให้ทำงานที่บ้านเท่านั้น พร้อมไฟเขียวนายจ้างไล่ออกได้หากทำงานที่บ้านแล้วไม่มีประสิทธิภาพ

วันที่ 15 ม.ค. 2565 เว็บไซต์ Bloomberg รายงานถึงมาตรการของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มมีผลในวันนี้ (15 ม.ค.) ที่ยกเลิกใช้ผลตรวจโควิด-19 เข้าสถานที่ทำงาน สำหรับพนักงานที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยนายจ้างต้องให้พนักงานกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนทำงานจากที่บ้านเท่านั้น รวมทั้งเปิดทางให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินกรณีลางาน และสามารถไล่ลูกจ้างคนดังกล่าวออกจากบริษัทได้ หากการทำงานนอกสำนักงานไม่มีประสิทธิภาพ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า จากข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา มีพนักงานบริษัทที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนราว 48,000 ราย พร้อมยกตัวอย่างว่า หากทั้งหมดติดโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์อย่างแน่นอน เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิดรักษาตัวในโรงพยาบาลมากถึง 2 ใน 3 ไม่ได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังย้ำด้วยว่า พนักงานที่ฉีดวัคซีนแล้ว มีแนวโน้มที่จะทำงานในออฟฟิศได้อย่างปลอดภัยกว่า

ทั้งนี้ ทางการสิงคโปร์ยังเปิดทางให้ลูกจ้างที่ถูกวินิจฉัยว่าไม่สามารถฉีดวัคซีนโควิด ให้ไปทำงานที่ออฟฟิศได้เหมือนเดิม ส่วนพนักงานที่ตั้งครรภ์จะถูกร้องขอให้พิจารณาไปฉีดวัคซีนเป็นกรณีพิเศษ

มาตรการล่าสุดของสิงคโปร์เกิดขึ้น ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของบริษัทเอกชนทั่วโลกที่เริ่มออกมาตรการกดดันให้พนักงานไปฉีดวัคซีนในรูปแบบต่างๆ แม้ก่อนหน้านี้ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพิ่งมีคำพิพากษาห้ามนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บังคับพนักงาน 80 ล้านคนไปฉีดวัคซีนก็ตาม อย่างไรก็ตาม มาตรการของรัฐบาลสิงคโปร์ถูกตีความว่า เป็นไปตามข้อกำหนดการเลิกจ้าง ว่าด้วยพนักงานไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่ตกลงกันไว้

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก โดยมีประชากรได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วราว 87% โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่ง ได้รับวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 แล้ว