ผู้ว่าฯปทุมธานี สั่งปิดตลาด 2 แห่งในธัญบุรี 5 วัน ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวออกนอกที่พัก เสี่ยงโควิดระบาดระลอกใหม่ หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม
วันที่ 11 ก.พ. 2564 จังหวัดปทุมธานี ออกคำสั่งปิดสถานที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยมีสาระสำคัญคือ ตามที่ จ.ปทุมธานี ได้มีประกาศมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และคำสั่งปิดสถานที่เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติแล้วนั้น
โดยที่ปรากกฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นใหม่ในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้ขยายวงกว้างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เป็นกลุ่มก้อน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค
ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 และมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 29 มกราคม 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 13/2564 วันที่ 11 ก.พ. 2564 จึงให้ปิดสถานที่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนี้
1.ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 5 วันตั้งแต่ 12-16 ก.พ. 2564
1.1 ตลาดสุชาติ รวมความถึงอาคารพาณิชย์โดยรอบ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี
1.2 ตลาดพรพัฒน์ รวมความถึงอาคารพาณิชย์โดยรอบ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี
2.ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวที่เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ตามข้อ 1 ออกจากพื้นที่ และให้กักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่
โดยขอให้ ศปก.อำเภอ ศปก.ตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกันดำเนินการทำความสะอาด ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในสถานที่เสี่ยงดังกล่าว และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแนวหางของประกาศจังหวัดปทุมธานี และมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
สำหรับตลาดใดที่ได้ถูกสั่งปิดก่อนหน้านี้ หรือตามคำสั่งนี้ครบจำนวน 5 วัน หากได้ดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์การสอบสวนโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแล้ว และมีความพร้อมในการเปิดดำเนินการสามารถยื่นแผนการจัดการและมาตรการควบคุมโรค ต่อ ศปก.อำเภอ/เทศบาล เพื่อขอเปิดดำเนินการต่อไป
ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจมีความผิดตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง