‘อียู’ เปิดแผนแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ แต่สมาชิกยังเสียงแตก ไม่มีข้อสรุปเรื่องก๊าซธรรมชาติ

ประธานกรรมาธิการยุโรปเปิดแผนแบนน้ำเข้าน้ำมันรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ คาดหาข้อยุติได้ในอีกไม่กี่วัน ขณะการคว่ำบาตรก๊าซธรรมชาติยังคงไร้ฉันทามติ

วันที่ 4 พ.ค. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงาน โดยคาดว่าสมาชิกจะหาข้อยุติได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 

“ปูตินจะต้องจ่ายในราคาที่แพงมากเพื่อตอบแทนการรุกรานที่โหดร้ายของเขา” นางฟอน เดอร์ เลเยน แถลงต่อรัฐสภายุโรป พร้อมระบุว่า “วันนี้ เราขอเสนอให้สมาชิกทั้งหมดยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย” แม้ยอมรับว่าอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายประเทศที่ยังต้องพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซีย

มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว นับป็นการประกาศคว่ำบาตรรอบที่ 6 เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ ก่อนจะมีผลบังคับใช้  

ภายใต้แผนการคว่ำบาตรรอบล่าสุดนี้ หากสมาชิกทั้งหมดสามารถตกลงกันได้ อียูจะยุติการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับการน้ำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ฮังการีและสโลวาเกียได้ออกมาระบุว่าจะไม่สนับสนุนการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากทั้งสองประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเป็นหลัก ซึ่งในการตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกที่กำลังจะเกิดขึ้น แหล่งข่าวรายหนึ่งได้เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ฮังการีและสโลวาเกียอาจได้รับการยกเว้นการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไปจนถึงสิ้นปี 2566 แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ออกมาอย่างชัดเจน 

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปยังเริ่มมีการพูดคุยกันถึงการระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย แต่สมาชิกยังคงเสียงแตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในครัวเรือน ส่งผลให้การคว่ำบาตรก๊าซธรรมชาติยังคงต้องชะลอไป 

ทั้งนี้ การลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ถือเป็นความท้าทายที่สูงมากสำหรับสหภาพยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้พึ่งพาพลังงานจากรัสเซียเป็นหลัก แม้สหภาพยุโรปจะมองว่าสามารถหาแหล่งพลังงานทดแทนจากที่อื่นได้ และเลือกใช้แนวทางการระงับการนำเข้าน้ำมันอย่างค่อยไปค่อยไปเพื่อลดผลกระทบที่จะตามมาให้น้อยที่สุด 

โดยนักวิเคราะห์จากสถาบันคลังสมอง Bruegel ในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยี่ยมได้ออกมาอธิบายต่อเรื่องดังกล่าวว่า การคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังไงก็ยังสร้างความเสี่ยงให้กับสหภาพยุโรปและทั่วโลก 

“ในระยะสั้น อาจสร้างผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ของรัสเซีย แต่ขณะเดียวกันก็จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสหภาพยุโรปและเศรษฐกิจโลก ในแง่ของการทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น นี่ยังไม่ได้พูดถึงความเสี่ยงที่รัสเซียจะดำเนินมาตรการตอบโต้โดยอาจมุ่งไปที่ก๊าซธรรมชาติ” นักวิเคราะห์ระบุ