Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในทวีปยุโรปกลับมาน่าเป็นห่วงถึงความเสี่ยงการระบาดระลอกที่สอง ซึ่งเมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) องค์การอนามัยโลกระบุว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในทวีปยุโรปในช่วง 7 วันที่ผ่านมามากถึง 1.3 ล้านคน คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก
การระบาดที่รุนแรงขึ้นทำให้หลายชาติยุโรปเริ่มบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งวันนี้ workpointTODAY รวบรวมมาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศออกมาแล้วจากรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนี รวมถึงสถานการณ์ในสหราชอาณาจักรที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันละเกือบ 100,000 ราย
🇫🇷 ฝรั่งเศส
นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์เมื่อวานนี้ถึงการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ระลอกใหม่ หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่า 36,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ถึง 244 คนใน 1 วัน
ผู้นำฝรั่งเศสยอมรับว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สองในฝรั่งเศสดูเหมือนจะรุนแรงกว่าการระบาดในรอบแรก พร้อมประกาศมาตรการล็อกดาวน์ที่จะเริ่มมีผลในวันศุกร์ (30 ต.ค.) และจะบังคับใช้ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหลักๆ แล้ว ทางการฝรั่งเศสขอให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ยกเว้นต้องไปทำงานที่ไม่สามารถทำที่บ้านได้หรือไปพบแพทย์ รวมทั้งยืดหยุ่นให้ชาวฝรั่งเศสสามารถไปออกกำลังกายนอกบ้านได้วันละ 1 ชั่วโมง
มาตรการล็อกดาวน์ยังสั่งปิดกิจการที่ไม่มีความจำเป็น เช่น บาร์หรือร้านอาหาร แต่โรงเรียนและโรงงานยังสามารถเปิดได้ตามปกติ
ผู้นำฝรั่งเศสให้คำมั่นว่า หากสถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ อาจมีการผ่อนคลายให้ธุรกิจบางประเภทกลับมาเปิดได้ พร้อมหวังว่า สถานการณ์จะเอื้ออำนวยให้ชาวฝรั่งเศสเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ได้อย่างสบายใจกับครอบครัว
🇩🇪 เยอรมนี
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในเยอรมนีจะน้อยกว่าหลายประเทศในยุโรป แต่แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้รัฐบาลเยอรมนีประกาศมาตรการที่เข้มงวดเพื่อยับยั้งโรคโควิด-19 ทันที
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แถลงต่อสาธารณชนว่า แม้ในตอนนี้ระบบสาธารณสุขของประเทศจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ แต่จากอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ระบบสาธารณสุขของเยอรมนีถึงขีดจำกัดภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้นเราต้องเริ่มสกัดการแพร่ระบาดทันที
โดยมาตรการของรัฐบาลเยอรมนีจะมีผลตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 2 พ.ย. ส่วนใหญ่เน้นไปที่การปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยงหรือไม่จำเป็น เช่นการปิดบาร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ไปจนถึงร้านสัก สถานอาบ อบ นวด ส่วนร้านค้า ทางการเยอรมนียังผ่อนผันให้เปิดบริการได้ แต่ต้องจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไปซื้อ เช่นเดียวกับโรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนตามปกติ
โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลเยอรมนีจะตั้งงบประมาณเพื่อเป็นเงินอุดหนุน ทดแทนรายได้ที่เสียไปจากการปิดกิจการชั่วคราว

🇬🇧 สหราชอาณาจักร
สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรมีความน่าเป็นห่วงในแง่จำนวนของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นวันละหลายหมื่นราย จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเข้าใกล้ 1 ล้านรายเข้าไปทุกทีแล้ว ขณะเดียวกันยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แท้จริง อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 รายต่อวันทีเดียว
โดยงานวิจัยดังกล่าวมาจากการประเมินของนักวิทยาศาสตร์จาก Imperial College London ที่สุ่มตัวอย่างจากอาสาสมัคร 85,000 คนในอังกฤษในช่วงปลายเดือนตุลาคม มาตรวจเชื้อโควิด-19 แล้วพบอัตราส่วนว่า อาสาสมัครทุกๆ 128 คนจะมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 อยู่ 1 คน นำไปสู่บทสรุปจากการวิจัยที่ชี้ว่า ในแต่ละวันอาจมีผู้ป่วยโควิด-19 ในอังกฤษเพิ่มมากถึง 96,000 ราย และจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในทุกๆ 9 วัน
ทีมวิจัยระบุว่า จากข้อมูลทำให้เห็นถึงแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลอังกฤษจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อเปลี่ยนแปลงสถิตินี้ให้ได้ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงงานวิจัยที่ชี้ว่า อาจมีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกดดันรัฐบาลอังกฤษให้ออกมาตรการสกัดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า มาตรการที่แตกต่างกันและขึ้นอยู่กับทางการท้องถิ่นอาจเป็นความท้าทายในการจัดการโรคในภาพรวมทั้งประเทศ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการประกาศระดับเตือนภัยการระบาดออกเป็น 3 ระดับเพื่อเป็นมาตรฐานไปแล้วก็ตาม
ขณะที่เว็บไซต์ข่าวเดอะ การ์เดียน (The Guardian) รายงานว่ารัฐบาลอังกฤษ เตรียมแผนตรวจโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน 10% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในทุกๆ สัปดาห์ โดยหวังค้นหาผู้ติดเชื้อและป้องกันการระบาดในเชิงรุก โดยเบื้องต้นจะใช้การตรวจจากน้ำลายที่รู้ผลได้เร็ว ราคาชุดตรวจถูก แต่อาจมีความแม่นยำน้อยกว่า ขณะที่การตรวจแบบ PCR ซึ่งเป็นวิธีตรวจโรคที่ได้รับความนิยม แม่นยำ แต่ต้องรอผลยืนยัน 48 ชั่วโมงและมีราคาสูงกว่า อาจถูกใช้ตรวจกับกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น การตรวจตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือการตรวจในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า