หลังถูกกดดันและผ่านการหารือกับชาติพันธมิตรมาหลายครั้ง ในที่สุดเยอรมนีก็ยอมตกลง ส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด 2 (Leopard 2) ให้ยูเครนเพื่อใช้ตอบโต้รัสเซีย ขณะสหรัฐฯ เตรียมส่งถังเอ็มวัน เอบรามส์ (M1 Abrams) เข้าไปเสริมทัพด้วย

สื่อท้องถิ่นเยอรมนีหลายสำนักรายงานอ้างการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในรัฐบาลว่า นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ตัดสินใจที่จะส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 ให้กับยูเครน พร้อมทั้งอนุญาตให้ประเทศอื่นๆ เช่น โปแลนด์ สามารถส่งรถถังรุ่นดังกล่าวไปช่วยยูเครนต่อสู้เพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซียได้ด้วย 

แม้การเปิดเผยล่าสุดจากสื่อเยอรมนี จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนจากทางการเบอร์ลิน แต่ก็นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่เกิดขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) อันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ออกมาแสดงจุดยืนว่าจะไม่ขัดขวาง หากประเทศอื่นๆ ที่มีรถถังของเยอรมนีในครอบครอง เช่น โปแลนด์ ต้องการที่จะส่งรถถังไปช่วยเหลือยูเครน

ก่อนหน้านี้ เยอรมนีพยายามหลีกเลี่ยงที่จะแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับการส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด 2 ให้กับยูเครน ทำให้ชาติพันธมิตรในยุโรปพากันออกมากดดัน เพราะมองว่ารถถังรุ่นนี้จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนเกมที่อาจสร้างความได้เปรียบให้กับยูเครน ในขณะที่สงครามกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยน หลังมีข่าวออกมาว่ารัสเซีย กำลังเตรียมรวบรวมสรรพกำลัง เตรียมบุกยูเครนรอบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง

รถถังเลพเพิร์ด 2 สำคัญกับยูเครนอย่างไร 

สงครามในยูเครนตอนนี้ ไม่มีความคืบหน้าที่เป็นนัยสำคัญมานานเกือบ 2 เดือน เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูหนาวซึ่งไม่เหมาะกับการสู้รบ แม้จะมีการโจมตีเกิดขึ้นประปราย แต่รัสเซียยังคงไม่สามารถยึดพื้นที่ในยูเครนได้เพิ่ม ขณะที่ยูเครนก็ไม่สามารถยึดพื้นที่กลับคืนมาได้ 

สถานการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายมองว่า การที่รัสเซียยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ อาจทำให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ตัดสินใจดับเครื่องชน รวบรวมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ มาเผด็จศึกให้เร็วที่สุด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาอาวุธทันสมัยให้กับยูเครนเพื่อรับมือการรุกรานจากรัสเซีย ซึ่งยุทโธปกรณ์หลักที่ทั้งสองฝ่ายใช้กันอยู่ในสงครามก็คือรถถัง 

โดยรถถังที่ยูเครนใช้อยู่ในสมรภูมิส่วนใหญ่ เป็นรถถังรุ่นเก่าตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ในขณะที่รัสเซียมีรถถังที่พัฒนาเอง ซึ่งใหม่กว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่รถถังจากชาติตะวันตกมีความทันสมัยและเหนือกว่า หากยูเครนได้รถถังเหล่านั้น จะช่วยให้การรุกคืบของกองกำลังทหารดำเนินไปได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วมากขึ้น 

ยูเครนมองว่ารถถังเลพเพิร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในรถถังที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในสมรภูมิมากที่สุด เนื่องจากรถถังรุ่นนี้ติดตั้งอาวุธหลักเป็นปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ Rheinmetall ขนาด 120 มม. และมีปืนกลหนัก MG3A1 ขนาด 7.62 มม. เป็นอาวุธรอง ทำให้กระสุนที่จะนำมาใช้มีอยู่ทั่วไปและสามารถจัดหาได้ง่าย 

เลพเพิร์ด 2 ยังเป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพทรงพลัง แม้จะมีน้ำหนักมากถึง 62 ตัน แต่ก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว มีความคล่องตัวสูง สามารถล็อคและโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และดำน้ำได้ อีกทั้งไม่มีกลไกซับซ้อน จึงง่ายต่อการใช้งานและการรักษา 

ที่สำคัญ รถถังรุ่นนี้ ยังมีประจำการอยู่มากกว่า 2,000 คัน ในกองทัพชาติต่างๆ ในยุโรป ทำให้ง่ายต่อการจัดส่งให้กับยูเครน โดยมีหลายประเทศที่แสดงความประสงค์จะมอบให้กับยูเครนแล้ว เช่น โปแลนด์ และฟินแลนด์ 

แต่ก่อนหน้านี้ แม้หลายประเทศจะประสงค์ส่งรถถังให้กับยูเครน แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่ รถถังเลพเพิร์ด 2 ผลิตและครอบครองกรรมสิทธิ์โดยเยอรมนี ซึ่งมีกฎหมายกำหนดไว้ว่า ชาติพันธมิตรที่ต้องการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติเยอรมนี ทั้งที่ประจำการอยู่ทั้งในและนอกประเทศ จะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลกลางเยอรมนีก่อน 

ยูเครนต้องการรถถังเลพเพิร์ด 2 จำนวนเท่าใด

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนได้ออกมาเรียกร้องว่าพวกเขาต้องการรถถังเลพเพิร์ด 2 จำนวน 300 คันจากประเทศต่างๆ แต่จากการประเมินของนักวิเคราะห์จากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษากลยุทธ์ (International Institute for Strategic Studies) ยูเครนจำเป็นต้องมีรถถังเลพเพิร์ด 2 อย่างน้อย 100 คัน จึงจะสามารถสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในสมรภูมิได้ 

ขณะที่ข้อมูลซึ่งได้มาจากแหล่งข่าวในเยอรมนี คาดว่าทางการเยอรมนีจะส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด 2 อย่างน้อย 14 คันให้ยูเครน และหากว่าเยอรมนีไฟเขียวยอมให้ประเทศอื่นมอบรถถังรุ่นนี้ให้ยูเครนได้ด้วย ยูเครนจะได้รับเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 14 คันจากโปแลนด์ที่ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ 

นอกจากรถถังเลพเพิร์ด 2 ของเยอรมนีแล้ว ยูเครนยังจะได้รับรถถังชาเลนเจอร์ 2 (Challenger 2) จำนวน 14 คันจากอังกฤษตามที่มีการรับปากไว้ก่อนหน้านี้ และรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ (M1 Abrams) จากสหรัฐฯ ในจำนวน 14 คันเท่ากัน 

อนาคตสงครามยูเครนจะเป็นอย่างไร 

โยฮัน มิเชล นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมและการทหารจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษากลยุทธ์ประเมินว่า รถถังเหล่านี้อาจทำให้ยูเครนพลิกมาเป็นฝ่ายรุกในสมรภูมิที่หยุดชะงักมาหลายเดือน หลังถูกรัสเซียเปิดฉากโจมตีมาสองครั้งใหญ่ เพื่อตอบโต้การรุกคืบยึดพื้นที่หลายเมืองคืนมาจากการครอบครองกองทัพรัสเซีย

มิเชลระบุว่า การมีรถถังเลพเพิร์ด 2 และรถถังรุ่นอื่นๆ จากชาติตะวันตก จะมาช่วยชดเชยอาวุธในคลังยูเครนที่เสียหายไปเยอะ อีกทั้งรถถังเหล่านี้ยังมีความคล่องตัวมากกว่ารถถังของรัสเซีย จึงช่วยสร้างความได้เปรียบในสมรภูมิ พร้อมอธิบายว่า จุดอ่อนของรถถังรัสเซียก็คือไม่สามารถถอยหลังกลับได้ 

“ลองนึกภาพนักมวยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระบนสังเวียน โดยเคลื่อนที่ไปได้แค่ทิศทางเดียว ในขณะที่นักมวยอีกคนสามารถเคลื่อนไหวได้ในทุกทิศทาง ซึ่งหมายถึงความได้เปรียบอย่างมาก และนี่ก็คือเลพเพิร์ด 2” มิเชลกล่าว 

อย่างไรก็ตาม มิเชลเตือนว่า แม้จะมีรถถังของตะวันตก แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางอากาศ หรือขีปนาวุธต่อต้านรถถัง จึงมีความจำเป็นที่ยูเครนจะต้องได้รับการสนับสนุนในด้านยุทโธปกรณ์ต่อต้านอากาศยานและการลาดตระเวนเพื่อเติม 

ขณะเดียวกัน นิคลาส มาซูฮ์ร นักวิจัยจากศูนย์ศึกษาด้านความปลอดภัยแห่งมหาวิทยาลัยโปลิเทคนิคของรัฐบาลกลางสวิตเซอร์แลนด์ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า การที่ชาติตะวันตกส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 ไปช่วยยูเครนนั้น คงยังไม่สามารถประเมินได้ถึงกับว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ถึงกับชนะสงคราม 

“คุณไม่สามารถแค่วางรถถังประสิทธิภาพสูงหลายๆ คันลงในสมรภูมิแล้วจะคิดได้เลยว่าจะชนะ รถถังเหล่านี้มีค่ามาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้อย่างถูกวิธี และนำไปใช้ร่วมกับยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่มีอยู่ เช่น ทหารราบ ปืนใหญ่ การป้องกันภัยทางอากาศ วิศวกรการรบ และเฮลิคอปเตอร์” มาซูฮ์รระบุ

ที่มา : AP, Al Jazeera, BBC