ศาลยกฟ้อง กรณีนักสิทธิมนุษยชนถูกส.ก.ก้าวไกลฟ้องหมิ่นประมาท ปมกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ

ศาลอาญาสั่งยกฟ้องกรณีสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.พรรคก้าวไกล เขตวัฒนา หลังฟ้องหมิ่นประมาทนาดา ไชยจิตต์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน เหตุร้องเรียนว่าโจทก์ล่วงละเมิดทางเพศอดีตลูกจ้างหญิงข้ามเพศเมื่อ 22 ส.ค. 65 

วันนี้ (21 ธ.ค. 65) ศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328 กรณีสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.พรรคก้าวไกล เขตวัฒนา ฟ้องหมิ่นประมาท นาดา ไชยจิตต์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 65 หลังนาดาโพสต์ข้อความร้องเรียนพฤติกรรมการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ โดยกล่าวหาว่าสัณห์สิทธิ์กระทำกับอดีตลูกจ้างหญิงข้ามเพศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวจนทำให้ตนถูกตัดสิทธิจากพรรคก้าวไกลให้ดำรงตำแหน่งในพรรคในฐานะสมาชิก และพรรคจะไม่มีการเสนอรายชื่อให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองในสภากรุงเทพมหานครเป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการวินัยและจรรณยาบรรณมีคำวินิจฉัย 

นาดา ไชยจิตต์ กล่าวว่า “ศาลอาญาระบุว่า การเปิดเผยพฤติกรรมคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศอดีตลูกจ้างหญิงข้ามเพศของสัณห์สิทธิ์ถือเป็นการทำหน้าที่และใช้สิทธิอย่างชอบธรรมทั้งในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชน ซึ่งข้อความที่ได้นำมาเปิดเผยเป็นข้อความที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้เสียหายโดยตรง และไม่ได้ใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปแต่อย่างใด อีกทั้งการฟ้องคดีหมิ่นประมาทของสัณห์สิทธิ์เป็นการปลอมแปลงขึ้นมาจึงไม่มีสิทธิกล่าวหานาดาว่าหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาได้ ทั้งนี้โดยสถานะของสัณห์สิทธิ์ทั้งการเป็นนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจจำเป็นจะต้องเคารพกฎหมาย และจะเป็นการดีต่อสังคมหากมีการตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมโดยนักสิทธิมนุษยชน”

ด้านณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลที่เดินทางมาให้กำลังใจกับ นาดา ไชยจิตต์ในวันนี้ กล่าวว่า “การที่ศาลมีคำสั่งยกฟ้องในวันนี้ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของคำตัดสินกับคนที่ต้องการออกมาปกป้องสิทธิมนุษยชน หากจะมีใครฟ้องเพื่อปิดปากนักปกป้องสิทธิก็จะทำได้ยากกว่าในอดีต มันเป็นการส่งเสริมคนในสังคมให้กล้าที่จะออกมาพูดวิจารณ์ในเรื่องความเป็นจริงให้สังคมมันปรับเปลี่ยนได้”

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 65 นาดา นักปกป้องสิทธิผู้มีความหลากหลายทางเพศได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ร้องเรียนว่านายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.พรรคคก้าวไกล เขตวัฒนา มีพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ โดยส่งข้อความที่มีลักษณะการคุกคาม แทะโลมเช่น “อยากเห็นหุ่น, สวย” สร้างความรำคาญแก่อดีตลูกจ้างที่เป็นหญิงข้ามเพศ และกล่าวหาว่ามีการลูบเป้ากางเกงต่อหน้าลูกจ้างจนทำให้ให้ลูกจ้างคนดังกล่าวรู้สึก “สะอิดสะเอียน”   

หลังจากที่นาดาร้องเรียนให้พรรคก้าวไกลทำการตรวจสอบและลงโทษทางวินัยกับนาย สัณห์สิทธิ์แล้ว ต่อมานายสัณห์สิทธิ์ได้ฟ้องร้องเธอในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328 ไปยังศาลอาญาเป็นการส่วนตัวเป็นเหตุให้คู่กรณีทั้งสองเข้าให้ศาลไต่สวน โดยนาดาเดินทางมาฟังพิพากษา ณ ศาลอาญาในวันที่ 31 ต.ค. 65 ก่อนนัดฟังคำพิพากษา 21 ธ.ค. 65

นาดากล่าวว่า ก่อนหน้านี้สัณห์สิทธิ์มีการติดต่อกับผู้เสียหายเพื่อตกลงจ่ายค่าเสียหายตามจริงกรณีการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมและมีการให้เซ็นหนังสือหนึ่งฉบับที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการละเมิดทางเพศ โดยทางผู้ก่อเหตุอาจเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดได้จบไปแล้วจึงได้ดำเนินการฟ้องหมิ่นประมาทกับนาดาตามมา 

เมื่อถามถึงความรู้สึกหลังศาลยกฟ้อง นาดา กล่าวว่า “รู้สึกตื้นตันใจมาก แม้ในช่วงแรกจะรู้สึกสับสนอยู่บ้างขณะฟังคำพิพากษาของศาล มีช่วงที่น้ำตาไหลขณะที่ศาลพูดถึงหน้าที่ของนักปกป้องสิทธิ์ เพราะโดยส่วนตัวยังไม่เคยเห็นนักปกป้องสิทธิคนไหนที่เขาถูกฟ้องจะถูกศาลรับรองว่าเป็นนักปกป้องสิทธิ มันเป็นชัยชนะที่ไม่ใช่แค่ของเราคนเดียว มันเป็นชัยชนะของทุกคนที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้”

ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้ตัดสินลงโทษ “ทางวินัยร้ายแรงระดับที่สาม” โดย “ตัดสิทธิพึงมีบางประการในฐานะสมาชิกพรรคที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพรรค และพรรคจะไม่เสนอรายชื่อสมาชิกคนดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองในสภากรุงเทพมหานคร ทั้งนี้กำหนดระยะเวลา 1ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณมีคำวินิจฉัย (วันที่ 2 มิ.ย. 2565) เป็นต้นไป” และ “กำหนดให้มีการภาคทัณฑ์หากยังมีการกระทำความผิดในกรณีเดียวกันอีกพรรคจะดำเนินการลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาด” จากการที่พรรคพบว่าตัวโจทก์ “เข้าข่ายก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศด้วยวาจาและกระทบต่อความรู้สึกและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นการแสดงออกในทางที่ไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์และคุณค่าหลักที่พรรคยึดถือได้แก่การเคารพในความหลากหลายทางเพศเชื้อชาติศาสนาและความเท่าเทียมของมนุษย์”