Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

OPINION “คนดังสมควรพูดเรื่องการเมืองหรือไม่?” นี่เป็นข้อถกเถียงสำคัญ ไม่ใช่แค่ในไทย แต่คนทั้งโลกก็ตั้งคำถามกัน ล่าสุด 2 นักกีฬาระดับโลก เลอบรอน เจมส์ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ จนกลายเป็นดราม่าครั้งใหญ่

ก่อนที่จะไปเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง เลอบรอน กับอิบราฯ ต้องเล่าแบ็กกราวน์ของเรื่องนี้ก่อน โดยคนในวงการกีฬาทราบกันดีว่า เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลจากทีมแอลเอ เลเกอร์ส เป็นคนที่แสดงออกเรื่องของการเมืองอยู่เสมอ เขาเคยวิจารณ์อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างตรงไปตรงมา รวมถึง เป็นหัวหอกในการรณรงค์ประเด็นการเหยียดผิวที่สหรัฐฯด้วย

ย้อนกลับไปในปี 2018 เลอบรอนเคยด่าทรัมป์ผ่านทีวีช่อง espn ว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นคนที่ไม่เคยเข้าใจประชาชนเลย จริงๆเขาไม่แคร์ห่าอะไรเกี่ยวกับประชาชนด้วยซ้ำ ช่วงเวลาที่ประเทศมีประธานาธิบดีแบบนี้ เป็นช่วงที่ย่ำแย่มาก ดังนั้น ตราบใดก็ตามที่เราไม่สามารถหยุดคำพูดโง่ๆออกมาจากชายคนนั้นได้ เหล่านักบาสเกตบอล ก็ต้องพยายามเตือนผู้คน ให้ฟังเราเข้าไว้ คอยบอกประชาชนว่า สิ่งที่ทรัมป์พูด มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง”

ในครั้งนั้น เมื่อเลอบรอนด่าทรัมป์แล้ว เขาถูกด่ากลับโดยลอร่า อินแกรม นักข่าวสาวจากช่องฟ็อกซ์นิวส์ ที่เป็นโปรรีพับลิกัน โดยอินแกรมกล่าวว่า “พวกเขาจำเป็นต้องพูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? น่าเศร้าที่เด็กๆจำนวนมาก และผู้ใหญ่บางคน ไปรับฟังคำพูดที่จองหองแบบนั้นอย่างจริงจัง เด็กๆควรดูเอาไว้นะ นี่ล่ะ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าคุณเรียนไม่จบมัธยม แล้วไปเล่นใน NBA ทันที”

“นักกีฬาที่ถูกจ้างปีละ 100 ล้านเหรียญ มาเพื่อเล่นบาส แต่ดันมาแสดงความเห็นทางการเมือง ก็มักจะพูดอะไรไม่ค่อยฉลาดแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ เลอบรอน กับ เควิน ดูแรนต์ คุณสองคนอาจเป็นสุดยอดผู้เล่นก็จริงนะ แต่ไม่มีใครโหวตให้คุณเป็นประธานาธิบดีนะ ผู้คนหลายล้านเลือกทรัมป์เข้ามากุมบังเหียนประเทศ ดังนั้นเก็บความเห็นทางการเมืองเอาไว้กับตัวเถอะ พูดง่ายๆ ก็คือ หุบปาก แล้วกลับไปเลี้ยงบอลซะ”

นี่เป็นการแลกหมัดดุเดือดมาก ของนักบาสเกตบอล กับนักข่าว ซึ่งทั้งคู่ ต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ในมุมของอินแกรม เธอคิดว่าเลอบรอนเป็นเซเลบริตี้ เป็นคนที่มีอิทธิพลเหนือเยาวชน เวลาพูดอะไรก็ทำให้คนคล้อยตามได้ ดังนั้นการแสดงความเห็นทางการเมือง มันชักจูงคนอื่นได้ และผู้คนก็จะพลอยเกลียดทรัมป์ไปด้วย

แต่เลอบรอน นั้นเห็นตรงข้าม เขาตอบกลับไปว่า “ผมจะไม่หุบปากแล้วเลี้ยงบอล ผมจะไม่ทำอย่างนั้น” ในมุมของเขามองว่า ทำไมนักบาสเกตบอล จะมีความเห็นทางการเมืองไม่ได้
เหตุการณ์ในครั้งนั้นจบไป เลอบรอน ยังคงมีอุดมการณ์แน่วแน่ คือจะพูดเรื่องการเมืองเสมอทุกครั้งที่เขาอยากพูด รวมถึงประเด็นใดๆก็ตามในสังคม ซึ่งเมื่อเขาตัดสินใจพูดแต่ละครั้ง ก็จะมีอิมแพ็กต์มากเสมอ เพราะเลอบรอนมีคนติดตามในอินสตาแกรม 80 ล้านคน ในทวิตเตอร์ 49 ล้านคน และในเฟซบุ๊ค 25 ล้านคน

สำหรับประเด็นดราม่าล่าสุด เกิดขึ้นวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2021 เมื่อซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไปสัมภาษณ์กับช่องดิสคัฟเวอรี่พลัส ของสวีเดน โดยกล่าวถึงประเด็นการแสดงออกทางการเมืองของเลอบรอน เจมส์

อิบราฮิโมวิชกล่าวว่า “ผมชอบเจมส์มากนะ เขามีฝีมือที่น่าทึ่งมากในการเล่นบาสเกตบอล แต่ผมไม่ชอบคนที่มีชื่อเสียงแล้วมาพูดเรื่องการเมือง เพราะผมคิดว่า คุณควรจะทำในสิ่งที่คุณถนัดจะดีกว่า”

“ผมเล่นฟุตบอล เพราะผมเล่นฟุตบอลได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด ผมไม่ใช่นักการเมือง ถ้าผมเมื่อไหร่ที่ผมเป็นนักการเมือง เมื่อนั้นผมถึงจะเล่นการเมือง”

“นี่คือความผิดพลาดข้อแรกของคนที่มีชื่อเสียง สำหรับผม ผมว่ามันจะดีกว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงประเด็นเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นคุณเองนั่นล่ะ จะเสี่ยงที่จะทำอะไรผิดพลาดลงไป”

อิบราฮิโมวิชถือเป็นไอคอนของวงการฟุตบอล เขามีคนติดตามมหาศาลเช่นกัน ในอินสตาแกรม 46 ล้านคน ในทวิตเตอร์ 7 ล้านคน ในเฟซบุ๊ค 32 ล้านคน ถ้านับแค่ในเฟซบุ๊คเขามีคนติดตามมากกว่าเลอบรอนด้วยซ้ำ

คำพูดของอิบราฮิโมวิช ก็มีคนเห็นด้วยไม่น้อย โดยมองว่า เหล่าเซเล็บเวลาออกมาพูดที จะสามารถชักจูงสังคมให้เฮโลเชื่อทางนั้นได้ทันที โดยขาดการไตร่ตรองที่รอบคอบ และคนที่เป็นเซเล็บ อาจต้องวางตัวให้เหมาะสม ยิ่งกับในประเด็นที่ละเอียดอ่อน

หลังจากได้ยินว่าถูกพูดถึง ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ หลังเกมที่แอลเอ เลเกอร์ส เอาชนะพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ เลอบรอนได้ตอบโต้ทันทีโดยกล่าวว่า

“ผมจะไม่หุบปากในสิ่งที่มันผิด ผมจะพูดกับผู้คนของผมในทุกๆเรื่อง จะพูดถึงความเท่าเทียม พูดถึงความยุติธรรมของสังคม พูดถึงการเหยียดเชื้อชาติ การกีดกันการเลือกตั้ง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา”

“เพราะผมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเมื่อผมเห็นอะไรที่เกิดขึ้นในสังคม ผมก็อยากเป็นเสียง ที่ได้แสดงออกสิ่งที่คิดออกไป”

เลอบรอนปัจจุบันเปิดโรงเรียนของตัวเองชื่อ I promise School ที่รัฐโอไฮโอ บ้านเกิดของเขา โดยเป็นโรงเรียนเอกชน มีนักเรียน 300 คนในโรงเรียน ซึ่งเลอบรอนนั้นกล่าวว่า การที่เขาเปิดโรงเรียนของตัวเอง ทำให้เข้าใจว่าเด็กๆในยุคปัจจุบันมีความต้องการอะไร และคิดอะไรอยู่ ซึ่งถ้าเขาเห็นว่าเด็กๆต้องการอะไร ก็อยากเป็นกระบอกเสียงที่สื่อสารออกไปให้ผู้ใหญ่ในสังคมได้รับรู้

“ในเมื่อผมมีเสียง ที่คนอื่นจะรับฟัง ผมก็จะใช้ช่องทางของผม ในการสื่อสาร ไม่เพียงแต่ในชุมชนของผมเท่านั้น แต่ผมหมายถึงทั้งประเทศ และทั้งโลก”

นอกจากนั้น เลอบรอน ยังได้โจมตีอิบราฮิโมวิชโดยตรง โดยกล่าวเมื่อก่อน เวลาตัวอิบรา รู้สึกถึงความอยุติธรรมกับตัวเอง ก็ยังออกมาพูดอยู่บ่อยๆ แล้วทำไมวันนี้ ถึงจะห้ามปรามเซเล็บคนอื่น ไม่ให้เแสดงออกล่ะ

ย้อนกลับไปในปี 2018 อิบราฮิโมวิช เคยให้สัมภาษณ์กับช่องคานาลในฝรั่งเศส ว่า เขารู้สึกว่าสื่อมวลชนสวีเดน ปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไม่เท่าเทียมเพราะเขามีนามสกุลไม่เหมือนคนสวีเดนทั่วไป โดยนามสกุล “อิบราฮิโมวิช” มีขึ้นเพราะคุณพ่อของเขาเป็นคนอพยพจากประเทศบอสเนีย

เลอบรอนกล่าวว่า “ตัวซลาตันเป็นคนที่เคยพูดว่า เคยรู้สึกตัวเองถูกเหยียดเพราะนามสกุลของเขาไม่เหมือนคนสวีเดนทั่วๆไป สิ่งที่เขาแสดงออก ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผมหรอก”
เมื่อเลอบรอน โจมตีกลับ ก็มีคนเห็นด้วยกับแนวคิดของเลอบรอนมากมายเช่นกัน โดยชาวเน็ตมองว่า เซเล็บก็เป็นคนเหมือนกัน และทำไมคนเราถึงไม่มีสิทธิ์แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองคิด และสิ่งที่ตัวเองเชื่อ คือการที่เซเล็บแสดงความเห็น ก็ไม่ได้แปลว่าแฟนคลับจะต้องเชื่อไปซะหมดนี่ ทุกคนมีวิจารณญาณอยู่แล้ว

นอกจากนั้น ถ้าหากในสังคมมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น การที่คนดังใช้กระบอกเสียงของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ก็น่าจะทำให้ปัญหาดังกล่าวถูกแก้ไขได้เร็วขึ้น

ดราม่าของซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ เลอบรอน เจมส์ ไม่มีการสานต่อนับจากนี้ แต่ก็ถือเป็นข้อถกเถียง ที่ผู้คนคุยกันว่า คนดังที่มีผู้ติดตามมากมาย ควรแสดงความเห็นทางการเมืองหรือไม่ หรือสมควรจะทำแต่หน้าที่ที่ตัวเองถนัดเท่านั้น

สำหรับแนวคิดเรื่องเซเล็บกับการแสดงออก ถูกโยงมาที่สังคมไทยเช่นกัน ว่าเหล่าคนดังควรหรือไม่ ที่จะแสดงทรรศนะทางการเมือง

ส่วนตัวผู้เขียน เห็นด้วยกับเลอบรอน เพราะเชื่อว่าคนทุกคนมีสิทธิ์แสดงออกสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการ ต่อให้เป็นคนธรรมดา หรือคนดัง ก็สามารถสื่อสารสิ่งที่คิดอยู่ในใจ ถ่ายทอดออกไปให้สังคมได้รับรู้ ตราบใดก็ตามที่พูดความจริง และไม่ได้สร้าง Hate Speech ที่ทำให้ผู้คนเกลียดชังกัน

เมื่อเห็นอะไร เซเล็บไม่จำเป็นต้อง “หุบปากแล้วไปเลี้ยงบอล” เหมือนที่ลอร่า อินแกรมเคยพูด แต่สามารถแสดงออกได้เลยว่า มีอะไรที่คุณไม่พอใจบ้าง ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ทุกคนมีสิทธิ์คุยเรื่องการเมืองได้ทั้งนั้น การเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นของนักการเมืองเท่านั้น

แต่จริงๆ ก็เข้าใจมุมของอิบราฮิโมวิชเช่นกัน ว่าคนดังสามารถชี้นำคนอื่นได้ง่าย คนดังถ้าจะพูดอะไร ต้องแน่ใจในสิ่งนั้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าคนทุกคน ไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน เวลาเราได้ยินคนดังพูดอะไร ก็ใช่ว่าเราจะเชื่อเขาทันที สุดท้ายเราก็เอามากลั่นกรองอีกรอบอยู่ดี

ดังนั้น ผมรู้สึกทึ่งคนดังชาวต่างชาติ ที่กล้าพูด กล้าวิจารณ์เรื่องการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ต่างจากที่ไทยมากๆ

ลองพยายามคิดในมุมของคนดังที่ไทยนั้น พวกเขาไม่กล้าแสดงออก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พูดเรื่องการเมือง คุณจะถูกโยงไปหมด และอาจส่งผลต่ออาชีพการงานของตัวเองด้วย อย่างเช่น ถ้าคุณบอกว่าสนับสนุนม็อบ ต้องการการปฏิรูป ก็มีสิทธิ์ที่จะโดน io รุมถล่ม หรือไม่ก็โดนกลุ่มคอนเซอร์เวทีฟไล่ยำ หรือในทางกลับกัน ถ้าเซเล็บสักคนออกมาซัพพอร์ทว่าเป็นอนุรักษนิยม เชียร์ฝ่ายขวา ก็มีโอกาสสูงมากที่จะโดนกลุ่มลิเบอรัล และ io ของฝั่งซ้ายไล่ถล่มเช่นกัน

มันเลยกลายเป็นอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ คนดังหลายคนอยากพูดบางอย่างในใจ แต่ก็ทำได้แค่ระดับหนึ่ง เพราะหน้าที่การงานของตัวเอง เงินทองที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัวมันมีความสำคัญมากกว่า ถ้าโดนแบนจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งแล้วรายได้หาย ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ

ดังนั้น สังคมไทยจึงต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน เราอยากให้คนดังกล้าพูด กล้าแสดงจุดยืน

เราก็ต้องใจกว้างมากพอด้วย แน่นอนเราจะดีใจ ถ้าคนดังยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเรา แต่ถ้าคนดังสักคน ที่เห็นไม่ตรงกับเรา เรากล้าพอที่รับฟังเขาดีๆ โดยไม่ถล่มหรือไม่
และสุดท้ายได้แต่หวังว่าในอนาคต คนไทยจะรู้สึกสะดวกใจที่พูดเรื่องการเมืองมากกว่านี้ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ไม่สำคัญว่าเราจะเป็นใคร การเมืองควรเป็นสิ่งที่เราสามารถพูดถึงได้อย่างปกติ โดยไม่จำเป็นต้องมีดราม่าทุกครั้งในวงสนทนา

—————————————-
บทความโดย : วิศรุต สินพงศพร

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า