Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เกาะบาหลี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอินโดนีเซีย กำลังเผชิญกับเสียงโอดครวญจากชาวบ้านบนเกาะ หลังนักท่องเที่ยวจากรัสเซียจำนวนมาก พากันหนีสงครามมาพำนักที่เกาะแห่งนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่พวกเขายังเข้าไปหางานทำ แย่งอาชีพคนท้องถิ่น 

ข้อมูลจากสนามบินนานาชาติบาหลี นับตั้งแต่รัสเซียประกาศระดมกำลังพลสำรองเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว มีชาวรัสเซียเดินทางเข้าบาหลีเฉลี่ยเกือบ 20,000 คนทุกเดือน 

แต่ในขณะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปเกาะบาหลี มีจุดประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนแล้วเดินทางกลับประเทศ แต่ชาวรัสเซีย มีจุดประสงค์ที่ต่างกันไป เพราะสถานการณ์สงครามในประเทศบีบบังคับให้พวกเขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ทำให้พวกเขาตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ออกไปหางานทำในต่างประเทศ 

โดยชาวรัสเซียที่เดินทางมายังเกาะบาหลี บางส่วนเข้ามาทำงานเป็นช่างทำผม พี่เลี้ยงเด็ก คนขับแท็กซี่ หรือแม้แต่ขายบริการทางเพศ โดยปราศจากวีซ่าทำงานตามกฎหมาย ขณะที่ชาวยูเครน ก็มีเดินทางมายังเกาะแห่งนี้เช่นกัน แต่เป็นจำนวนที่น้อยกว่า คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 10 เท่านั้น

การไหลทะลักมายังเกาะบาหลีของนักเดินทางจากรัสเซีย ได้จุดชนวนความโกรธเคืองขึ้นบนโซเชียลมีเดียมาแล้วระยะหนึ่ง ชาวบ้านบนเกาะจำนวนมากต่างออกมาแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของชาวรัสเซียที่มาเยือนเกาะ และสร้างปัญหามากมาย ทั้งการเข้ามาแย่งงานทำ พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เคารพพลเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงการฝ่าฝืนกฎหมาย สร้างความวุ่นวาย และเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น 

สำนักข่าวอัลจาซีราได้ไปสัมภาษณ์ ซี ปูโตร เจ้าของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี ซึ่งเล่าให้ฟังว่า มีชาวรัสเซียมาติดต่อขอทำงานกับเขา โดยจะแนะนำนักท่องเที่ยวให้เพื่อแลกกับค่าคอมมิชชัน พวกเขามาติดต่อให้เราทำงานให้ โดยที่พวกเขาก็จะทำงานด้วยเหมือนกัน 

“ล่าสุดที่ผมขึ้นไปบนยอดภูเขาไฟอากุง (Mount Agung) ผมเจอคนรัสเซียจำนวนมากนำทางให้กับคนรัสเซียด้วยกันเอง โดยไม่มีไกด์ท้องถิ่น แม้เราจะมีกฎหมายว่าจะต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นก็ตาม คนรัสเซียเหล่านั้นดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภูเขาไฟ ผมคิดว่าพวกเขาเคยขึ้นไปที่นั่นมาก่อนพร้อมกับไกด์ท้องถิ่นของเรา และจดจำเส้นทาง รวมถึงเรื่องความปลอดภัย ปัจจัยลม เวลา และอันตรายในขณะเดินเขาได้ทั้งหมด นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพราะทำให้ไกด์ท้องถิ่นจำนวนมากถูกแย่งงานไป” ปูโตรกล่าว 

นอกจากปูโตรแล้ว จูดา เปอร์บา ครูสอนโต้คลื่นในบาหลี ก็บอกเล่าเรื่องราวในลักษณะเดียวกันว่า เป็นเรื่องปกติที่ชาวต่างชาติจะมาทำงานบนหาดโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อเราถามว่าพวกเขามาทำงานหรือเปล่า พวกเขาก็อ้างว่ามากับเพื่อน และกำลังแนะนำเพื่อนเล่นโต้คลื่นเอง ไม่ใช่การรับจ้างสอน ซึ่งเรารู้กันอยู่แล้วว่า พวกเขารับเงินจากการสอนอย่างแน่นอน 

“นี่ไม่ยุติธรรมกับเราเลย เพราะพวกเขาไม่ได้จ่ายภาษี เจ้าหน้าที่จะต้องมาดูแลจัดการเรื่องนี้” เปอร์บาระบุ 

สิ่งเหล่านี้ทำให้กระแสความไม่พอใจที่ชาวรัสเซียมาแย่งงานชาวบ้านบนเกาะทำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มีบัญชีอินสตาแกรมชื่อ Moscow Chapter Bali ซึ่งดำเนินการโดยชาวอินโดนีเซียไม่ระบุชื่อรายหนึ่ง ปรากฏขึ้น และเริ่มโพสต์ภาพกิจกรรมต่างๆ ของชาวรัสเซียและชาวต่างชาติบนหน้าบัญชี โดยให้เหตุผลว่า จะช่วยสนับสนุนและโปรโมทธุรกิจให้กับพวกเขาเหล่านั้น

แต่ในความเป็นจริง Moscow Chapter Bali ถูกมองว่า เป็นเพจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเปิดช่องทางให้ชาวบ้านเข้ามาแจ้งเบาะแสและประณามชาวต่างชาติที่เข้ามาแย่งงานในท้องถิ่น โดยในระยะเวลาแค่เพียงเดือนเดียวหลังจากเปิดเพจ มีผู้เข้ามาติดตามเพจมากถึง 36,000 บัญชี และมีเคสร้องเรียนเข้ามามากกว่า 100 เคส พร้อมกับมีการแท็กไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้เนรเทศคนเหล่านั้นออกนอกเกาะไป 

อย่างไรก็ตาม Moscow Chapter Bali ถูกปิดลงหลังเปิดเพจได้เพียงไม่นาน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดมาตรฐานชุมชน

เจ้าของเพจ Moscow Chapter Bali เปิดเผยกับอัลจาซีราว่า เพจของเขาถูกชาวรัสเซียร้องเรียนว่าเหยียดเชื้อชาติ และมีพฤติกรรมเกลียดชังชาวต่างชาติ “แต่หากคุณตรวจสอบบัญชีของเราอย่างละเอียด เพจนี้ช่วยสนับสนุนธุรกิจของทั้งคนยูเครน อังกฤษ และชาวออสเตรเลียด้วย แต่โชคไม่ดีที่ธุรกิจส่วนใหญ่ที่นี่เป็นของคนรัสเซีย” เขาระบุ พร้อมเสริมว่า ชาวรัสเซียจำนวนมากส่งข้อความต่อว่าเขาด้วยความก้าวร้าว และมีบางรายพูดว่า หากไม่ใช่พวกเขาชาวรัสเซียเข้ามาช่วย เศรษฐกิจของบาหลีก็คงไม่รอดจากผลกระทบของโรคระบาด 

Moscow Chapter Bali ยังระบุด้วยว่า ชาวรัสเซียเป็นชาวต่างชาติกลุ่มเดียวที่แสดงตัวว่าทำงานอย่างเปิดเผย แม้ว่า “พวกเขาจะรู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่พวกเขาก็โวย นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเคารพเราเลย” 

ขณะที่ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นของบาหลี ตัดสินใจแต่งตั้งหน่วยงานขึ้นมาปราบปรามเรื่องการลักลอบทำงานผิดกฎหมายโดยเฉพาะ ประกอบด้วยตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน อุตสาหกรรม และการค้า พร้อมกับออกแคมเปญรณรงค์ ติดป้ายประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต 

ระยะเวลาผ่านมาเพียงครึ่งเดือน รัฐบาลบาหลีเปิดเผยว่า สามารถจับกุมนักท่องเที่ยวที่ลักลอบทำงานได้แล้ว 6 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวรัสเซีย ทำอาชีพขายบริการทางเพศ 3 คน ครูสอนขับมอเตอร์ไซค์ 1 คน และครูสอนเทนนิส 1 คน ซึ่งได้เนรเทศออกจากประเทศหมดแล้ว 

นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มี.ค.) โดย อี วายัน โคสเตอร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลี ได้ออกมาประกาศว่า กำลังยื่นเรื่องไปยังกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอินโดนีเซีย ให้พิจารณายกเลิกการออกวีซ่าแบบยื่นขอเมื่อเดินทางถึงประเทศปลายทาง (visa on arrival) ให้กับนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย และยูเครน โดยให้เหตุผลว่าพบนักท่องเที่ยวจากทั้งสองชาติมีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายจำนวนมาก 

“ทำไมต้องเป็นสองประเทศนี้? ทั้งสองอยู่ในภาวะสงคราม ทำให้ประเทศของพวกเขาไม่มีความปลอดภัย พวกเขาจึงแห่กันมาที่บาหลี หลายคนมาบาหลีไม่ใช่เพื่อพักผ่อน แต่มาเพื่อหาความสะดวกสบาย และมาหางานทำที่นี่” โคสเตอร์ระบุกับสื่อท้องถิ่น

ความเคลื่อนไหวนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางมาท่องเที่ยวในอินโดนีเซีย โดยมีนักท่องเที่ยวรัสเซียบางรายออกมาระบุว่า ชาวรัสเซียกำลังเข้ามาช่วยเหลือเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ด้วยการนำเงินมาใช้ที่นี่ และหากการขอวีซ่าทำได้ยากขึ้น พวกเขาก็จะเปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน 

“หากพวกเขาทำให้การขอวีซ่าสำหรับชาวรัสเซียและยูเครนเป็นเรื่องยาก เราจะมองหาสถานที่อื่นที่จะไป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้มีแค่อินโดนีเซีย ประเทศไทยมีสถานที่ที่สวยงาม เราสามารถเปลี่ยนไปที่นั่นได้ และนี่ก็จะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับอินโดนีเซีย” อเล็กซานเดอร์ อิวานอฟ นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียบอกกับรอยเตอร์ส 

 

ที่มา Al Jazeera, Reuters

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า