วันที่ 1 ก.ย.เวลา 16.30 น. ร.ต.ท.พิสุทธิ์ ฤทิธิ์ขจร รอง สารวัตร (สอบสวน) สน.พหลโยธิน รับแจ้งพบโครงกระดูกมนุษย์ภายในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าชั้น 32 ของอาคารร้างไม่มีชื่อ ตรงข้ามศาลอาญารัชดา แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วรุดตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารร้างอยู่หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ. ) บริเวณชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า พบแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่ก่อด้วยปูนซิเมนต์ มีความสูงประมาณ 3 เมตร กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร มีปากบ่อกว้างยาว 80 ซม.จำนวน 2 ช่อง แต่ไม่มีบันไดลงไปในบ่อ เจ้าหน้าที่ต้องประสานขอบันไดและอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานในที่อับอากาศ
เมื่อเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีอากาศเพียงพอ โดยพบโครงกระดูกยังไม่ทราบว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย คาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 เดือน สภาพนอนหงายสวมแต่กางเกงใน ใกล้กันพบรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ถุงเท้า 1 คู่ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง อยู่ในรองเท้าผ้าใบ แต่ไม่พบเอกสารใดๆ ติดตัว และยังพบร่องรอยการก่อกองไฟอยู่ใกล้ๆ โครงกระดูก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายปัญญา บัวเงิน อายุ 32 ปี ช่างสำรวจอาคารที่พบโครงกระดูกให้การว่า อาคารดังกล่าวเคยก่อสร้างเป็นโรงแรมแต่ยังไม่แล้วเสร็จ แล้วปล่อยตัวอาคารร้างมาเกือบ 30 ปี เนื่องจากมีปัญหาการฟ้องร้องกันมายาวนาน จนผู้ชนะคดีจะเข้ามารีโนเวทตัวอาคาร จึงได้ว่าจ้างช่างเข้าไปสำรวจ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาพบโครงกระดูกดังกล่าว จึงแจ้งทางเจ้าของอาคารทราบก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร ซึ่งไม่พบเอกสารติดตัว รวมถึงตรวจสอบว่าผู้ตายขึ้นไปบนตัวอาคารและลงไปทำอะไรในแท็งก์น้ำ ส่วนกองไฟที่พบคาดว่าเมื่อผู้ตายลงไปแล้วกลับขึ้นไม่ได้ จึงถอดเสื้อผ้าก่อไฟเพื่อให้เกิดกลุ่มควันเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครพบเห็นเนื่องจากเป็นอาคารสูง จนกระทั่งขาดอาหารและน้ำจึงทำให้เสียชีวิต ซึ่งจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป